ข่มขืนแหม่มเกาะเต่า ส่อโอละพ่อ!! รองโจ๊กชี้ยังไม่พบการข่มขืน เผยเคยมี นทท.กุเรื่อง ยันต้องเคลียร์ทุกปม

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รองผบช.ทท.)ในฐานะรองผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์น.ส.อิซาเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ร้องเรียนว่าตกเป็นเหยื่อถูกวางยาลักทรัพย์ และล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเข้าไปเที่ยวสังสรรค์ที่บาร์แห่งหนึ่งในเกาะเต่าแต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธการแจ้งความ เหตุเกิดที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

  • ตำรวจเกาะเต่ายันไม่นิ่งนอนใจคดีแหม่ม ตามสืบหาลักฐาน เผยส่งภาพ 2 ชายต้องสงสัยให้ผู้เสียหายดู

พ.ต.ท. นพา เสนาทิพย์ รองผกก.สอบสวน สภ.เกาะเต่า จ. ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ตร.สภ.เกาะเต่า ไม่ทราบเรื่อง จนกระทั่งวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในช่วงบ่ายนางสาวภัทรา แจ่มตระกูล เจ้าของโฮสเทล ดิไฮฟ์ ในเกาะเต่า มาแจ้งว่าลูกค้าที่มาพักที่โฮสเทล อ้างว่า ถูกข่มขืน ทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง ปรากฏว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลย เนื่องจากเป็นคำบอกเล่าของผู้เสียหาย ทั้งนี้หลังรับเรื่องได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจเก็บกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและใกล้เคียง เผื่อสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ แต่แล้วทางชุดสืบสวนได้รายงานผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ว่ากล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุไม่สามารถเก็บภาพได้ เนื่องจากย้อนไปได้ 7 วัน ทำให้ข้อมูลลบไปแล้ว จึงขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่ผู้เสียหายก็เงียบไปและไม่ติดต่อกลับมาอีกจนกระทั่งเป็นข่าวที่ประเทศอังกฤษและในเพจของ CSI la

“อย่างไรก็ตามหลังรับแจ้ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง ส่งทีมมาร่วมกับตำรวจภูธรภาค 8 ตร.เกาะเต่า และ ตร.ท่องเที่ยว มาร่วมประสานตั้งแต่วันแรก ตร.ไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้จึงมาตรวจสอบพื้นที่ ส่วนภาพของผู้ต้องหาคดีอนาจาร 2 คน ที่ก่อคดีช่วงเดือนสิงหาคม และมีลักษณะ คล้ายกับที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างว่า มีรูปร่างสูงดำ ผมหยิก นั้น ตร.สภ.เกาะเต่า ได้ส่งให้เจ้าของโฮสเทล เพื่อส่งต่อให้ผู้เสียหาย ชี้ตัวว่าใช่บุคคลเดียวกับที่ ก่อเหตุหรือไม่” รองผกก.สภ.เกาะเต่ากล่าว

  • รองโจ๊กเผยแหม่มสาวเปิดใจเจ้าของโรงแรมมีสัมพันธ์ชายอื่น กังวลหนักกลัวแฟนรู้ ตำรวจยังไม่พบการข่มขืน

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบพยานบุคคลและเก็บวัตถุพยานเอาไว้แล้วจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะคำให้การของนางสาวภัทรา  เจ้าของโรงแรมที่พักที่นักท่องเที่ยวสาวพักอยู่ ซึ่งหนึ่งในถ้อยคำให้การที่สำคัญที่ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุแหม่มสาวชาวอังกฤษได้นั่งร้องไห้เสียใจบริเวณหน้าโรงแรมจริง และบอกว่าได้พลาดพลั้งไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนชายที่มาเที่ยวด้วยกัน คือนายมาร์ติน เนื่องจากดื่มสุรามึนเมา ประคองสติไม่อยู่ แต่กลัวแฟนหนุ่มที่กำลังจะเดินทางมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร อย่างไรก็ตามทางเจ้าของโรงแรมได้ให้ข้อแนะนำให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน แต่จนสุดท้ายก็ไม่มีการดำเนินการใดใด

Advertisement

“จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปกลับพบว่าแหม่มสาวดังกล่าวถึงไปแจ้งความว่าของหาย อย่างไรก็ตามกรณีนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยการทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ ซึ่งจนถึงขณะนี้จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดทั้งพยานหลักฐาน ปากคำพยาน และร่องรอย และสารที่อ้างว่าถูกมอมยา ต่างๆ ยังไม่พบว่ามีเหตุการณ์ การข่มขืนเกิดขึ้น แต่หากผู้เสียหายมาพบ มาแจ้งความ มีหลักฐานใหม่อื่นๆ ว่า มีการข่มขืนเกิดขึ้นจริง ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมจะดำเนินการให้ถึงที่สุด”รองผบช.ทท.กล่าว

  • ตร.ประสานสถานทูตอังกฤษ แหม่มสาวยังหายตัว รองผบช.ทท.เผยบ่อยครั้งเจอนักท่องเที่ยวกุเรื่อง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า  เช้าตนได้ประสานสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ก็ระบุว่า ยังติดต่อ กับ ผู้เสียหายไม่ได้ ซึ่งหลังจากนี้จะร้องขอผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประเทศไทย ให้ประสานงานเพื่อขอให้ผู้เสียหายเดินทางกลับมาในประเทศไทยอีกครั้ง โดยยืนยันว่าหากเรื่องนี้เป็นกรณีที่เกิดจากการพลาดพลั้งเพราะครองสติไม่อยู่ ก็จะถือว่าไม่ใช่การข่มขืน

รอง ผบช.ทท. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รายงานมาว่า หลังเกิดเหตุการณ์ที่นายมาร์ตินได้มีปากเสียงกับแฟนหนุ่มของน.ส.อิสซาเบลล่า จนเกิดการชกต่อยกันขั้น ซึ่งในส่วนนี้ก็ไม่ได้มีการแจ้งความใดๆ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลขณะนี้ที่ทุกฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบสรุปได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ข่มขืนแหม่มสาวชาวอังกฤษเกิดขึ้นจริง แต่หากทางครอบครัวสงสัยหรือยืนยันว่ามีการข่มขืนจริงก็ขอความร่วมมือให้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเคยมีหลายกรณีที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและได้แจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินสูญหาย ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่าไม่เป็นตามที่ระบุ ซึ่งฝากถึง นักท่องเที่ยวหากมาเที่ยวในประเทศไทย แล้วเกิดเหตุการณ์ให้มาแจ้งความ เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมทุกคน

Advertisement

“อย่างไรก็ดีส่วนเว็บไซต์ที่ปล่อยข่าวบิดเบือนข้อมูล ในส่วนนี้เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า 14 คนที่ชมและแชร์วิจารณ์สร้างความเสียหายให้กับประเทศด้านการท่องเที่ยวซึ่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยในวันพรุ่งนี้จะเดินทางพบกงศุลอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อมูลให้ทราบต่อไป” รองผบช.ทท.กล่าว

ขณะที่พล.ต.ต.ปรีดี แสดงความเห็นว่า สิ่งที่ทางการไทยต้องการ และถือเป็นหลักฐานสำคัญที่คลี่คลายข้อเท็จจริงได้อย่างชัดเจนเสื้อผ้าของผู้เสียหายในวันเกิดเหตุหากนำติดตัวกลับมาด้วย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

มีรายงานว่าวันที่ 26 มิ.ย น.ส.อิสเบลล่า ได้มาแจ้ง น.ส.ภัทรา แจ่มสกุล เจ้าของโฮสเทล ดิไฮฟ์ ว่า ตนกับเพื่อนได้ไปดื่มสุราที่บริเวณหน้าไอฟายแอนรีสอร์ทจนเกิดอาการมึนเมา ต่อมามีชายชาวเอเชียเข้ามาพูดคุยจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บริเวณลานหินจปร.ใกล้โรงแรมเดอะคลิฟ ก่อนรู้สึกตัวว่าน่าจะโดนข่มขืน และทรัพย์สินได้สูญหายไป ประกอบไปด้วยเงินสด 3,000 บาทโทรศัพท์มือถือ iPhone และบัตรเครดิตสี่ใบทางเจ้าของที่พักได้แนะนำให้ไปแจ้งความแต่นักท่องเที่ยวสาวไม่ประสงค์ที่จะแจ้งความเนื่องจากจะต้องเดินทางไปงานฟลูมูนปาร์ตี้

ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย. นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจสภ.เกาะพงันว่าทรัพย์สินสูญหายแต่ไม่ได้มีการระบุหรือพูดถึงการข่มขืนแต่อย่างใด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image