‘ไม่มีใครเข้าใจความสูญเสีย’ แม่น้องเต้ร่ำไห้ไม่อยากอยู่แล้ว หลังศุภชัยโดดตึกศาล-พ่อเสียชีวิตซ้ำ

จากเหตุการณ์สลดใจ “นายศุภชัย ทัฬหสุนทร กระโดดศาลอาญาเสียชีวิต เสียใจที่ลูกชาย “น้องเต้” ถูกแทงเสียชีวิต ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง ล่าสุดพ่อนายศุภชัยเสียชีวิตตามไปอีกคน เหตุตรอมใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.10 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “เรวดี ทัฬหสุนทร” ภรรยาและคุณแม่น้องเต้ รวมทั้ง “อนันต์ชัย ไชยเดช” ทนายความ

 

 คุณปู่น้องเต้เสียชีวิต ในวันที่ 25 ส.ค. เป็นวันเกิดคุณศุภชัย?

Advertisement

เรวดี : “ใช่ค่ะ ท่านไม่สบายอยู่แล้ว พอท่านได้รับข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตจากการกระโดดตึก อาการก็ทรุดลง บ่นกับลูกชายคนเล็ก เขาไปทำเรื่องประกันสังคมของพ่อ ท่านก็บอกว่าปู่อยากตายตามลูกไม่อยากอยู่แล้ว”

4 คนแล้วที่เสียชีวิต คนแรกคือน้องเต้ ตามด้วยเพื่อนน้องเต้ ที่ถูกยิงในงานศพเต้ แต่ไม่เป็นข่าว จับผู้ร้ายไม่ได้ ตามด้วยคุณศุภชัยที่กระโดดตึกศาลอาญาเสียชีวิต ล่าสุดคือคุณปู่ 4 ศพแล้ว ทนายเข้ามาดูแลเรื่องนี้ได้ยังไง?

อนันต์ชัย : “ทางคุณศุภชัย แกไปดูผมว่าความคดีเด็กโจ๋ฆ่าคนพิการเกือบทุกนัด แกก็ไปถามวิธีการสืบพยาน แกก็ไปนั่งฟังการพิจารณาคดีตั้งแต่เช้าจนเย็น แกคุยกับผมว่า ลูกแกถูกคนร้ายแทงตายเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ปี 2559 ห่างจากชายพิการ 15 วัน แกอยากมาดูคดีนี้เป็นแนวทางในการต่อสู้คดีของลูกแก แกบอกว่าแกเป็นวิศวกร แกลาออกจากงานมาหาพยานหลักฐานเอง ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือ แกมาดูคดีนี้เผื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้คดีของแก”

Advertisement

สุดท้ายไปหาหลักฐานเอง กล้องวงจรปิด สอบถามคนละแวกนั้น หลังจากนั้นคุณศุภชัยนำหลักฐานมอบให้ตำรวจ นำเข้าสู่กระบวนการ?

อนันต์ชัย : “แกมีความพยายามมากนะ กล้องวงจรปิดเดินตามเวลามัน แกก็พูดเป็นช็อตๆ บางทีแกเอากล้องส่องขยายมาดูภาพด้วย มาดูในคลิป และในภาพนิ่งด้วย แกก็เขียนมาเป็นระยะเวลา ละเอียดมาก”

 คนชื่อโจ้บอกว่าไม่ได้เป็นคนแทง คนแทงคือเบนซ์ แล้วทำไมพี่อนันต์ชัยมาดูแลเรื่องนี้?

อนันต์ชัย : “ผมได้ดูคำให้การคุณตง คุณตงให้การชัดเจนว่าเห็นคุณโจ้ใช้อาวุธมีดแทงหลายครั้ง อยู่ในชั้นสอบสวน ว่าเห็นตั้งแต่แรก แทงหลายครั้ง ระยะเวลาที่เกิดเหตุ 22.00 น. หลังจากที่มีการเสนอข่าวนี้ ปรากฏว่านายโจ้ก็ออกมาแถลงข่าว บางช่วงบางตอนบอกว่าป้าแหม่มเห็นเหตุการณ์ด้วย ปรากฏว่าหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนมีการรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ ดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ปรากฏว่ามีประจักษ์พยานถึง 3 ปาก นอกจากนายตงที่เห็นเหตุการณ์นี้ หนึ่งในนั้นคือป้าแหม่ม และผู้ชายอีก 2 คน พยาน 3 ปากนี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นพนักงานสอบสวนไม่เอามา แต่พอเกิดเรื่องเกิดราว พยานกลับโผล่ขึ้นมาว่าเห็นเหตุการณ์ พยาน 3 ปากนี้เป็นพยานนอกสำนวนการสอบสวน เราจึงไม่สามารถนำพยาน 3 ปากนี้มาพิจารณาใหม่ได้”

 ทำไมคุณแม่ทราบเรื่องนี้?

เรวดี : “โฟล์กกับฟลุคเป็นเพื่อนของเต้ เขาบอกว่าโจ้เอาปืนมาจ่อหัวเต้ด้วย เขาก็กราบโจ้ขอร้องไม่ให้ทำเต้”

ไม่ได้ไปกล่าวหาเหรอ?

อนันต์ชัย : “คุณเรวดีได้รับการบอกเล่าจากคุณโฟล์กตั้งแต่ตอนแรก”

คุณแม่ยืนยันว่าเป็นใคร?

เรวดี : “นายโจ้นี่แหละค่ะที่ทำเต้ ออกมายอมรับความจริงเหอะ ถ้าคิดว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่ (ร้องไห้)”

แม่ทราบใช่มั้ยทางโจ้และแฟนเขาตั้งโต๊ะแถลง?

เรวดี : “ทราบค่ะ เขาปฏิเสธแก้ตัวยังไงก็ได้ แต่รู้อยู่แก่ใจว่าได้ทำเต้”

แม่ไม่คิดว่าเป็นเบนซ์?

เรวดี : “ไม่ค่ะ เบนซ์รูปร่างเล็กขนาดนั้นจะทำได้ยังไง โจ้รูปร่างใหญ่ๆ พอกับเต้ เขาเอาปืนมาจ่อหัวเต้ด้วย (สะอื้น)”

ตงเป็นพยานปากสำคัญ ตงเคยจะไปขึ้นศาลแล้วสุดท้ายบอกไม่ไป เนื่องจากป่วยเป็นโรคจิต ล่าสุดคุณพ่อตงเดินทางมาหาพี่อนันต์ชัย?

อนันต์ชัย : “เมื่อวานนี้เองครับ เขาโทรมาหาผมก่อน บอกว่าขอคุยกับผม ทางสำนักงานก็ถามว่าชื่ออะไรเขาก็ไม่ยอมบอก จนมาบอกว่าเป็นพ่อน้องตง แล้วก็บอกว่าผมเข้าใจผิด ตงไม่รู้เรื่องเลย แล้วเขาก็บุกมาสำนักงาน ว่าผมเข้าใจผิด ตงไม่รู้เรื่องเลย เขาบอกว่าเขาไม่เห็นเหตุการณ์ แต่จากการได้ดูคำให้การสอบสวนของนายตง เขาระบุชัดเจนว่านายโจ้ใช้อาวุธมีดแทง เป็นเหตุการณ์วันที่ 15-16 เขาให้การเลย เป็นเหตุการณ์กระชั้นชิด ถ้าไม่เห็นเหตุการณ์ นายตงจะมาให้การพนักงานสอบสวนในเวลากระชั้นชิดได้อย่างไร ที่สำคัญพ่อของนายตงไม่ได้เป็นนายตง จะพูดยังไงก็ได้ เขาบอกว่าปกติลูกเขาเวลาปกติจะไม่มีปัญหา แต่เวลาเครียดเขาจะจิตไม่ปกติ ลนไปหมด ถ้าพูดแหย่อะไรก็สติแตก ซึ่งเรื่องนี้ผมได้คุยกับพนักงานสอบสวนที่จัดตั้งขึ้นมา ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้ไปคุยกับแพทย์ที่รักษาอาการนายตงอยู่ เขาบอกนายตงไม่ได้บ้านะ อาการถ้ามียารับประทานสามารถพูดคุยได้รู้เรื่อง แต่เวลามาขึ้นศาลจะจิตไม่ปกติ ต้องค่อยๆ คุย ซึ่งถามว่าสามารถเป็นพยานได้มั้ย หมอยินดีมาให้การในชั้นศาล ว่าถ้าหากจะให้หมอมาพูดถึงสภาพจิตใจนายตง หมอก็ยินดีนะ”

เอาเรื่องนี้เข้าสู่ไปสำนวนของอุทธรณ์?

อนันต์ชัย : “ถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังมีพยานหลักฐานที่จะสืบพยานเพิ่มเติมก็สามารถสืบได้ ณ ตอนนี้พยานหลักฐานที่อยู่ในสำนวนคนเดียวที่ไม่ได้มาสืบคือนายตง ซึ่งเป็นประจักษ์พยาน มีอยู่ทางเดียวต้องยื่นอุทธรณ์ ยื่นคำร้องขอต่อศาลอุทธรณ์ ให้สืบพยานนายตงเพิ่มเติม ในประเด็นเป็นประจักษ์พยาน ประกอบคำให้การในชั้นสอบสวน”

ในชั้นสอบสวนนายตงบอกว่านายโจ้ใช้ปืนจ่อหัวมั้ย?

อนันต์ชัย : “อันนี้เอามาจากคำให้การนายตง เรื่องอาวุธปืนไม่มี”

 แม่ได้ยินมาจากไหน?

เรวดี : “โฟล์กเล่าให้ฟังค่ะ แม่กราบเท้าเขาเลยค่ะว่าให้พูดความจริง (ร้องไห้) บอกว่าให้พูดความจริงนะ โฟล์กช่วยแม่ด้วย อย่าให้เต้ตายฟรีนะ ไม่งั้นแม่จะกระโดดตึกตาย กราบเท้าเขาจริงๆ”

แม่ติดใจเรื่องเสื้อผ้าน้องเต้?

อนันต์ชัย : “ที่จริงเสื้อผ้าก็บอกถึงวัตถุพยานได้ ถ้ามีการชกต่อยอาจพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นคนทำร้าย ซึ่งดูคำให้การคุณโจ้เขาบอกว่ามีการทะเลาะ ชกต่อยกันจริง แต่แยกออกมาแล้ว มีคุณแหม่มแยกออกมา”

เขาบอกเบนซ์ต่างหาก ที่แทง?

อนันต์ชัย : “เบนซ์บอกใช้สนับมือต่อย เขารับสารภาพว่าเอาสนับมือต่อย ขึ้นศาลเยาวชนไป”

ทางตำรวจเอาเสื้อผ้าเบนซ์ไปตรวจสอบพบดีเอ็นเอทางฝั่งโจ้ติดอยู่ แต่ไม่ได้เอาเสื้อผ้าโจ้ไปตรวจสอบ?

อนันต์ชัย : “เป็นเรื่องที่น่าสงสัย มีคดี 7 โจ๋ เอาเสื้อผ้าไปตรวจสอบก็พบเหมือนกัน”

 รวมถึงเสื้อผ้าน้องเต้ก็หายไป?

อนันต์ชัย : “ครับ ตอนนี้เป็นเรื่องวินัยตำรวจมากกว่า การที่วัตถุพยานต่างๆ ประจักษ์พยานต่างๆ ก็ดี มันโผล่ขึ้นมาตอนหลัง ตำรวจที่ทำสำนวนในคดีนี้ผิดวินัยหรือไม่ ตรงนี้ต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่ง”

พี่อนันต์ชัยทำไมตัดสินใจเข้ามาดูแลเรื่องนี้?

อนันต์ชัย : “จริงๆ พี่ศุภชัยแกอยากได้ผมเป็นทนายตั้งแต่ตอนแรก แกไปถามกับพี่สาวชายพิการว่าค่าทนายเท่าไหร่ แกกลัวค่าทนายแพง แกเลยไม่กล้าพูด วันนี้ผมเข้ามา ไปเจอในรายการหนึ่ง คุณแม่อยากให้ผมช่วยเหลือตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งตามมรรยาทต้องให้ทนายคนก่อนถอนไปก่อน ถึงจะเข้ามาได้ ปรากฏว่ามีการถอนทนายคนก่อนไป ผมเลยรับอาสาเข้ามาช่วยเขียนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ตอนนี้ผมมีหลายส่วนมาช่วยดูแลคดีนี้ให้”

มั่นใจแค่ไหนว่าคดีจะพลิกได้?

อนันต์ชัย : “ถ้าหากศาลอุทธรณ์เมตตาให้มีการสืบพยานเพิ่มเติม นายตงสามารถเบิกความเป็นพยานต่อศาลได้ มั่นใจว่าพลิก แต่ถ้าหากนายตงไม่มา ผมไม่รู้เหมือนกันเพราะสำนวนยังไม่ได้อ่าน”

แม่มั่นใจว่าเป็นนายโจ้?

เรวดี : “แม่มั่นใจว่าเป็นเขา คิดว่าเอาปืนจ่อหัวเต้แล้ว คิดว่าเขาต้องคิดจะทำอะไรสักอย่าง”

ต่อไปถ้าเรื่องที่เกิดในชั้นศาลไม่เกิดขึ้นเหมือนอย่างที่คิด จะหยุดมั้ย?

เรวดี : “ทุกคนในประเทศไม่รู้หรอก แม่ก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน อย่าว่าแม่แล้วกันนะ ทุกวันนี้ก็ไม่อยากอยู่ (ร้องไห้) ไม่ได้พูดเพื่อให้ทุกคนว่าแม่โง่ จะฆ่าตัวตาย ไม่มีใครเข้าใจความสูญเสียหรอก”

อนันต์ชัย : “ผมก็ปลอบใจว่าไหนๆ ผมก็มาทำคดีให้แล้ว ตามที่คุณศุภชัยตั้งใจเอาไว้ ขอให้คิดใหม่ อย่าไปกดดันศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา เพราะยังมีแนวทาง ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนของนายตง พยานแวดล้อมอื่นๆ สามารถลงโทษจำเลยได้ ก็อาจจะพลิกได้เหมือนกัน”

การที่คุณแม่ออกมาพูดว่าถ้าแพ้อีกก็ไม่อยากอยู่ เหมือนกดดันศาลมั้ย?

อนันต์ชัย : “ใช่ครับ ก็กดดันท่านผู้พิพากษา อยากเรียนต่อคุณแม่ด้วยว่า ท่านผู้พิพากษาท่านพิจารณาคดีตามพยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานไปไม่ถึง ท่านก็ลงโทษให้ไม่ได้ ให้เห็นใจท่านผู้พิพากษาด้วย อย่าลืมว่าศาลเมืองไทยไม่ใช่ศาลไคฟง เรามีหน้าที่หาพยานหลักฐานมานำเสนอต่อศาล ไม่ว่าจะโจทก์หรือจำเลย”

อยากให้แม่ทำใจด้วย อย่าคิดแบบนี้อีก แม่ทำแบบนี้กดดันศาล กดดันตัวเอง แม่ยังมีลูก รับปากกับผม?

เรวดี : “แม่ก็พูดตรงๆ ไม่ได้ไปกดดันศาล”

รับปากได้มั้ย อย่าคิดอะไรแบบนั้น อยู่กับลูกคนเล็ก โทรมาหาผมก็ได้?

เรวดี : “(ไม่ตอบ)”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image