เปิดสำนวน’โกต๊อก’นักธุรกิจพันล้าน ผู้ต้องหาหลบหนีคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ปคม.ฝากขัง-ค้านประกัน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 พฤศจิกายน ร.ต.อ.ณัฎฐพร ไผ่ประดิษฐ์ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)ได้ควบคุมตัวนาย สุพัฒน์ สันติปิยกุล หรือโกต๊อก อายุ 59 ปี นักธุรกิจพันล้าน ผู้ต้องหาค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา หรือโรฮิงญา ภูมิลำเนา ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก รวม 2 สำนวน คือ คดีค้ามนุษย์ฯ หมายเลขดำ คฝ.56/2562 และ คดีฟอกเงินฯ หมายเลขดำ ฝ.1557/2562 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

โดยคำร้องฝากขังสำนวนคดีค้ามนุษย์ ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวัน เวลาใดไม่ปรากฏแน่ชัดระหว่างเดือนมกราคม 2554 ถึงวันที่ 1พฤษภาคม 2558 ต่อเนื่องกันได้มีขบวนการองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้และที่ยังหลบหนีจำนวนหลายคนได้กระทำความผิดทั้งในราชอาณาจักรไทย และนอกราชอาณาจักรไทย โดยผู้กระทำความผิดได้ชักชวน หลอกลวง ขู่บังคับข่มขืนใจชาวบังคลาเทศและชาวโรฮีนจาจากประเทศบังคลาเทศและชาวโรฮีนจา จากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้ามายังประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและส่งไปยังปลายทางที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการสมคบแบ่งหน้าที่กันทำโดยจะมีผู้ทำหน้าที่ชักชวนผู้เสียหายซึ่งเป็นบุคคลและเด็กจากประเทศบังคลาเทศและชาวโรฮีนจา จากรัฐยะไข่ประเทศเมียนมาร์โดยหลอกลวงว่าจะสามารถส่งไปทำงานที่ประทศมาเลเซียได้และจะได้รับเงินเดือน เดือนละประมาณ 6,000 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยประมาณ 60,000บาท) ซึ่งผู้เสียหายจำนวนหลายคนได้หลงเชื่อ และตกลงยินยอมไปทำงานตามที่ถูกชักชวนและผู้เสียหายที่ไม่สมัครใจได้ถูกบังคับใช้กำลังประทุษร้าย อุ้มพาไปหรือใช้อาวุธปืนข่มขู่บังคับ และในจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกพาไป บางคนเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี หรือบางคนอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี” เมื่อมีการชักชวนหรือขู่บังคับได้แล้ว มีการนำผู้เสียหายไปพักอาศัยบนที่พักซึ่งจัดไว้ให้อยู่ใกล้กับทะเลเพื่อรวบรวมให้ได้หลายคนตามจำนวนที่ต้องการ แล้วพาไปลงเรือเล็กไปส่งขึ้นเรือใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่ในทะเลนอกน่านน้ำไทย โดยเรือใหญ่ได้จอดรอเพื่อให้นายหน้าที่จัดหาชาวบังคลาเทศและชาวโรฮีนจาให้ได้ประมาณ 200 – 500 คน แล้วแต่ขนาดความจุของเรือ แล้วออกเดินทางมายังประเทศไทยโดยระหว่างรอจะใช้เวลา ประมาณ 1 เดือนหรือกว่านั้นในระหว่างที่อยู่บนเรือใหญ่จะมีผู้คุมซึ่งมีอาวุธปืน อาวุธมีดและไม้หวายติดตัว และมีการตรวจสอบจำนวนคนพร้อมกับใช้เชือกสีผูกข้อมือเพื่อบ่งบอกว่ามาจากนายหน้าคนใด โดยเรือบางลำจะบังคับให้ทานข้าวกับพริกวันละ 2 มื้อ หากส่งเสียงดังหรือขออาหารหรือขอน้ำเพิ่มจะถูกตีทำร้ายร่างกายด้วยไม้ เมื่อคนขึ้นเรือใหญ่ครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว เรือใหญ่จะเดินทางมายังประเทศไทยโดยจะจอดลอยอยู่ในทะเล และจะมีเรือเล็กไปรับผู้เสียหายที่ถูกหลอกพาไปพักอาศัยอยู่บนเกาะประมาณ 1-2 เดือนหรือพาข้ามในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย แล้วพาขึ้นฝั่งไปหลบซ่อนอยู่ตามแนวป่าเพื่อร่อรถยนต์มารับส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

ในการรับผู้เสียหายขึ้นฝั่งที่ประทศไทยในเขตจังหวัดระนอง พังงา กลุ่มผู้กระทำผิดจะจัดเตรียมรถยนต์ไว้รับผู้เสียหายจำนวนหลายคัน บรรทุกได้คันละประมาณ 20 คนและทำการขนลำเลียงไปยังที่หมายโดยมีผู้ขับรถนำทางและมีการแจ้งเตือนเพื่อหลบหลีกการจับกุม มีการนำผู้เสียหายผ่านเส้นทางต่างๆไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง เพื่อจะนำผู้เสียหายไปควบคุมตามแคมป์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นใน เขตต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา นอกจากนี้มีการนำผู้เสียหายบางส่วน ขึ้นฝั่งประเทศไทยบริเวณ จ.สตูล ผู้กระทำความผิดจะมาผู้เสียหายขึ้นรถและเดินเท้าไปยังแคมป์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นในเขต ต.ปาดังเบซาร์เช่นกัน แคมป์ที่สร้างขึ้นบนเทือกเขาแก้วนั้นมีจำนวนหลายแคมป์ภายในแคมป์ที่พักแต่ละแคมป์จะมีผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนีโดยมีอาวุธปืน มีด ท่อนไม้หวาย แส้ แต่ละแคมป์จะมีหลายโรงนอนและนอกจากนี้จะมีผู้คบคุมอีกบางส่วนดูแลทางขึ้นลงแคมป์ดังกล่าว โดยมีผู้กระทำความผิดบางคนทำ หน้าที่จัดหาเสบียง ขณะที่ผู้ควบคุมได้ให้ผู้เสียหายโทรศัพท์ติดต่อญาตินที่ประเทศบังคลาเทศเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 190,000 -200,000 ทากา (สกุลเงินประเทศบังคลาเทศมีการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่เป็นเหยื่อโดยใช้ไม้ตีและใช้อาวุธมืดจี้ตามแขนเพื่อให้ส่งเสียงร้องในขณะที่มีการโทรศัพท์ มีการทรมานโดยให้อดอาหาร

ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวบริเวณที่เกิดเหตุ ห่างจากชายแดนมาเลเซียประมาณ 30 เมตร พบแคมป์จำนวน 39 หลัง โดยเป็นโรงนอน 26 หลังที่เหลือเป็นอ่างน้ำและห้องส้วม พบ นายกดอนซา สัญชาติบังคลาเทศ นอนป่วยอยู่ในแคมป์และพบศพบุคคลต่างด้าวนอนเสียชีวิตจำนวน 1 ศพและบริเวณใกล้เคียงพบหลุมฝั่งศพและพบศพมนุษย์อีก 25 ศพนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบแคมป์เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 แห่งและพบศพคนต่างด้าวเพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ศพ รวมทั้งสิ้น 36 ศพ

Advertisement

เหตุเกิดที่ประเทศบังคลาเทศ,รัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาร์,ประเทศไทย ในเขต ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ,อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วปา จ.พังงา ,อ.หัวไทร และ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช, ต.ปาดังเบชาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา,ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล และ
ท้องที่จังหวัดอื่น และประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2554 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด คือ จากการตรวจสอบพบว่า นายสุพัฒน์ ผู้ต้องหา มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารกสิกรไทย สาขาปาดังเบซาร์ จำนวน 7 บัญชี การสืบสวนพบการทำธุรกรรมโอนเงินของผู้ต้องหาหลายรายการ ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารการตรวจสอบบัญชีของผู้รับโอนของสำนักงานป้องกันและปราบปราม จึงมีเหตุสงสัยและมีเหตุอันควรชื่อได้ว่าเงินหรือทรัพย์สินมาจากการกระทำความผิดมูลฐานค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินซึ่งได้รับข้อมูลจาก ปปง พบว่าผู้ต้องหาได้โอนเงินให้ผู้ต้องหาอื่นในคดีโรฮีนจา เป็นเงิน 1,500,000บาท และเส้นทางการโอนเงินอีกหลายรายการ รวมทั้งพฤติการณ์อื่นที่เกี่ยวข้องในคดีนี้

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 พ.ย.2562 พนักงานสอบสวนปคม.ได้รับตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี หมายจับที่ 424/2559 ลงวันที่ 11 ส.ค.2558 ซึ่งถูกจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย

Advertisement

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4,6, 9,10,11,13, 52 วรรคหนึ่ง วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 และ 83,พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5,25 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17 และ 83,ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ประกอบมาตรา 83 และข้อหาอื่นๆ

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบ 48 ชั่วโมง ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องรอสอบสวนพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา และตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 -15 พ.ย.2562

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไปเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือก่อเหตุร้ายประการอื่น และ คดีนี้เป็นคดีที่นานาอารยประทศทั่วโลกสนใจจับตาดูอีกทั้งรัฐบาลไทยให้ความสนใจประกาศเป็นวาระแห่งชาติในการที่ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์หรือเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือของประเทศให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นอันจะมีผลต่อการค้าระหว่างประเทศอีกทั้งผู้ต้องหามีการกระทำผิดเป็นกระบวนการมีเครือข่ายจำนวนมากหากได้รับประกันตัวไปเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและจะไปข่มขู่พยาน ทำให้มีผลเสียต่อรูปคดี

อนึ่งผู้ต้องหานี้เป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ต้องตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี หมายจับที่ 424/2558 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ข้อหา”สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน”ซึ่งเป็นคดีทีเกี่ยวพันกันซึ่งได้แยกดำเนินคดีและได้แยกคำร้องฝากขัง ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาเวลา 16.00 น. เมื่อสิ้นสุดเวลาราชการศาลแล้ว ไม่มีญาติหรือบุคคลใด ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว โกต๊อก ผู้ต้องหาคดีร่วมค้ามนุษย์โรฮีนจาและฟอกเงิน แต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังนี้

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image