กรณีตำรวจกองปราบฯจับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก ที่ก่อเหตุหลอกลวงชาวเน็ตให้สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กโดยอ้างว่านำเงินไปรักษา ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ลูกเลี้ยงที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2562 ต่อมา แม่ปุ๊กอ้างว่า ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ลูกแท้ๆ ป่วยแบบเดียวกัน แต่แพทย์ตรวจสอบแล้วพบพิรุธว่าเด็กอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย แล้วตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 15 ล้านบาท หลังจากอายัดเหลือเงินหลักร้อยบาทนั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ตอนนี้มีความคืบหน้าด้านสำนวนไปมาก แต่อาจต้องเชิญบุคคลใกล้ชิดของ น.ส.นิษฐา รวมถึงผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกงคนอื่นๆ และบุคลากรทางการแพทย์มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายคน เพราะคดีนี้เกิดขึ้นมานานหลายปีจึงต้องรวบรวมรายละเอียดต่างๆ ให้ได้มากที่สุด
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่น่าสงสัยว่าเงินจำนวนมากหายไปไหน จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารของ น.ส.นิษฐา ทั้ง 5 บัญชี ในแต่ละวันจะมีคนโอนเงินเข้ามาเป็นค่าสินค้าหรือบริจาคเงินช่วยเหลือจำนวนมาก ลักษณะเป็นการโอนเข้ามาครั้งละไม่มากแต่โอนบ่อยครั้ง จากนั้น น.ส.นิษฐา จะถอนไปซื้อของหรือใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ แต่ละวันทันที เรียกว่าได้มาใช้ไป จึงไม่มีเงินคงเหลือ แต่เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย ชุดคลี่คลายคดีจะตรวจสอบบุคคลใกล้ชิด น.ส.นิษฐา ทั้งหมดว่าได้ยักย้ายถ่ายเทเงินหรือไม่ ส่วนนี้อาจใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร
ข่าวแจ้งว่า สำหรับสารเคมีต่างๆ ที่ตรวจยึดจากภายในบ้านพักของ น.ส.นิษฐา เพราะต้องสงสัยว่าจะเป็นสารตัวเดียวกันที่ทำให้เด็กทั้ง 2 คน ล้มป่วยนั้น ยังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจวิเคราะห์กลับมาจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์
ส่วนเรื่องสิทธิประกันภัยของเด็กทั้ง 2 คน เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า น.ส.นิษฐา ได้ทำประกันไว้ให้ ด.ช.อิ่มบุญ เพียงรายเดียว แต่ยังไม่ทราบวงเงินคุ้มครอง ทั้งนี้ ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับการทำประกันภัยของ ด.ญ.อมยิ้ม
