จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์ภาพแชตไลน์ ที่มีฝ่ายหนึ่งส่งภาพหญิงสาวนั่งอยู่บนที่นอนและห่มผ้าขนหนูสีขาวไว้ พร้อมระบุว่า “ตามไปนอนด้วยที่ร้อยเอ็ดได้ไหมคะ” โดยที่อีกฝ่ายส่งตอบกลับไปว่า “สุขสันต์วันเกิดครับ!” พร้อมโพสต์ข้อความระบุว่า “ตั้งใจส่งภาพนี้มาให้ บอกแค่ว่าบรรดาคนที่ร่วมมือออกมาแฉเตรียมตัวให้ดี เพราะอดีตนักการเมืองกำลังซุ่มรอสวนกลับ โดยการงัดหลักฐานมายืนยันว่าสาวๆ หลายคนเต็มใจอ่อย ยั่วเพศกับเขาเอง และที่เห็นในข่าวเป็นการจัดฉากดับอนาคตทางการเมือง…เห้ออ ! สุดท้ายชาวเน็ตคือ ไม่ต้องได้พัก คนบนเรือยังไม่จบ เขื่อนก็ดันมาแตก มีท่านรองต้องให้ตามต่ออีกนะเนี๊ยะ”
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เป็นผู้ดูแลคดีที่หญิงสาวหลายรายถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองกระทำอนาจารและกระทำชำเรา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้เห็นภาพแชตที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์แล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นแชตของใคร โดยได้สอบถามไปยังผู้เสียหายรายที่เปิดเผยคลิปเสียงแล้ว พบว่าไม่ใช่แชตของผู้เสียหายรายดังกล่าวแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าแชตดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายที่เข้าแจ้งความแล้ว หรือเป็นของหญิงสาวรายอื่น รวมถึงตนยังไม่ทราบว่าเป็นแชตที่มีการสร้างขึ้นมา หรือเป็นแชตของผู้เสียหายจริง หากเป็นแชตของผู้เสียหายจริง ต้องพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการล่วงละเมิดทางเพศ
นายษิทรากล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเกมการเมืองนั้น ตนรู้แล้วว่าขณะนี้ฝ่ายการเมืองดำเนินการอย่างไร โดยจะให้ตนปล่อยทุกอย่างให้หมดก่อน ให้ผู้เสียหายออกมา จากนั้นจึงทำการโต้กลับ เช่น การปล่อยภาพแชต หรือการให้สัมภาษณ์ แต่ตนยังมีสิ่งที่เก็บเอาไว้อยู่ เพราะรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น หากมีการออกมาสร้างความชอบธรรมว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ก็จะได้รู้กันว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าที่มีการนำเสนอข่าวในลักษณะนี้ออกมา แสดงให้เห็นถึงการโต้กลับทางการเมือง เพราะพรรคการเมืองเสียหายมาก และผู้ต้องหาก็เป็นระดับใหญ่ในพรรคการเมือง มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ จึงต้องการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แต่ตนจะบอกว่าเรื่องนี้ยิ่งวิกฤตมากกว่าเดิม เพราะขณะนี้เรื่องเงียบเนื่องจากผู้คนสนใจเรื่องอื่นๆ แล้ว หลังตนกลับไปประเทศไทย ก็คงจะดำเนินการต่อ และยังมีหลักฐานสำคัญที่ไม่เปิดเผยออกสื่อ เพราะรู้ว่าจะมีการโต้กลับในลักษณะนี้
นายษิทรากล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ไม่กังวลเรื่องการถูกฟ้องกลับ เพราะตนออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย แม้แต่ขณะนี้ที่ตนอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ผู้เสียหายที่อยู่ที่ประเทศอังกฤษก็ยังติดต่อมาเพื่อสอบถาม และอยากให้ดำเนินการในส่วนคดีความของตนเอง นอกจากนี้ มีเหยื่อที่ติดต่อเข้ามา แต่ไม่กล้าดำเนินการแจ้งความ ประมาณ 2-3 ราย ซึ่งยังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งแล้วแต่ความสมัครใจ โดยขณะนี้ ผู้เสียหาย 14 ราย ที่ตนดูแลด้านคดีความนั้นยังไม่มีใครเปลี่ยนใจแต่อย่างใด
