อังคณา ส่งกำลังใจ ‘ครอบครัวบิลลี่’ ชวนจับตา หลัง อสส.ไม่ฟ้องข้อหาเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

อังคณา ส่งกำลังใจ ‘ครอบครัวบิลลี่’ ชวนจับตา หลัง อสส.ไม่ฟ้องข้อหาเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทำให้คดีไม่อยู่ในความคุ้มครองตามร่าง กม.อุ้มหาย

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนและภรรยาของทนายสมชาย นีละไพจิตร ผู้สูญหาย กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นสั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวก คดีอุ้มฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อดีตสมาชิกสภา อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยระบุว่า 16.8.22 : เส้นทางคดีบิลลี่ : การต่อสู้ของผู้หญิงในฐานะครอบครัว กรณีมีการเผยแพร่หนังสือ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวก รวม 4 คน ใน 4 ข้อหาตามที่ปรากฏในข่าว โดยเฉพาะการ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และทุจริตหรืออำพรางคดี” ส่วนข้อหาที่อัยการ “สั่งไม่ฟ้อง” นายชัยวัฒน์และพวกคือ ไม่ฟ้องในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมองว่าในขณะที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐแต่กระทำในฐานะส่วนตัว

นางอังคณาระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด มีข้อสังเกตและความคิดเห็นดังนี้ 1.หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษพบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ และต่อมาแถลงว่าเป็นกระดูกของ “บิลลี่” (3 กันยายน 2562) ได้มีการสรุปว่า “บิลลี่เสียชีวิต” ทั้งนี้ ต่อมารัฐบาลไทยได้ทำได้ทำหนังสือแจ้งยังคณะทำงานด้านการบังคับสูญหายของสหประชาชาติ (UN Working Group on Enforced or Involuntary Disappearance) ขอให้ถอนชื่อของบิลลี่ออกจากรายชื่อผู้ถูกบังคับสูญหายในประเทศไทย โดยระบุว่า ครอบครัวได้ยอมรับว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว ปัจจุบันบิลลี่จึงไม่ได้อยู่ในสถานะผู้ถูกบังคับสูญหาย แต่เป็นผู้ถูกฆาตกรรม

นางอังคณากล่าวว่า 2.ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ 2.1 การที่อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งที่นายชัยวัฒน์เคยยอมรับว่าเขาได้ควบคุมตัวบิลลี่ไว้ด้วยข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่าอย่างผิดกฎหมาย แต่อ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้วในวันเดียวกัน (17 พฤษภคม 2557) และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นบิลลี่อีกเลย จนกระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบชิ้นส่วนของกระดูกที่ถูกเผาไหม้ และพิสูจน์ทราบว่าสารพันธุกรรมมีความสัมพันธ์กับทางมารดาของบิลลี่

นางอังคณากล่าวว่า 2.2 คดีการหายตัวไปของบิลลี่ซึ่งต่อมากลายเป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งมีฐานมูลเหตุมาจากเรื่องของสิทธิคนพื้นเมือง โดยเฉพาะสิทธิในทรัพยากร และสิทธิในที่ดินของบรรพชน (ancestral lands) รวมถึงการบังคับไล่รื้อที่พักอาศัยของคนพื้นเมือง (forced evictions) ตามที่คณะกรรมการตามอนุสัญญาสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนาธรรม สหประชาชาติ (UN ESCR Committee) ได้มีข้อสรุปเชิงสังเกตพร้อมข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลไทย (ข้อ 9 และข้อ 10) ในการรายงานสถานการณ์สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ที่นครเจนีวา เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 (คลิก) เรื่องนี้อัยการจะสามารถเชื่อมโยงประเด็นสาเหตุการอุ้มฆ่า เพื่อนำสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในเรื่องสิทธิในที่ดินของคนพื้นเมือง (กะเหรี่ยงแก่งกระจาน) หรือไม่ และอย่างไร

Advertisement

“แนวทางการฟ้องคดีของสำนักงานอัยการสูงสุดที่มีความเห็นไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงทำให้คดีบิลลี่ไม่ใช่การบังคับสูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการรู้เห็นเป็นใจ หรือการสั่งการจากเจ้าหน้าที่รัฐตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance : ICPPED) ซึ่งจะทำให้คดีบิลลี่ไม่อยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. … ซึ่งเพิ่งผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา และอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยที่ร่าง พ.ร.บ.นี้มีการกำหนดโทษสูงกว่าอาชญากรรมทั่วไป (มาตรา 40) รวมถึงการกำหนดให้มีการฟื้นฟูเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ครอบครัว (มาตรา 20 (3))

“ต้องติดตามว่าครอบครัวจะมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะความรับผิดชอบ (Accountability) ในการกระทำผิดของเจ้าพนักงานรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กับการกระทำในฐานะปัจเจกบุคคลมีความหมาย/ความรับผิดชอบ และการรับผิดของรัฐที่แตกต่างกัน

“ให้กำลังใจ ‘มือนอ’ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หวังว่ามือนอและลูกๆ ทั้ง 5 ของบิลลี่จะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยความกล้าหาญเหมือนที่เป็นมา และเชื่อมั่นว่าสุดท้ายความยุติธรรมจะกลับคืนมา” นางอังคณาระบุ

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image