อธ.อัยการคดีพิเศษ ตั้งคณะทำงานลุยคดีปั่นหุ้น MORE ศาลนัดสืบพยาน 22 ต.ค.นี้

แฟ้มภาพ

‘วิรุฬห์’ อธ.อัยการคดีพิเศษ สั่งตั้งคณะทำงานลุยคดีปั่นหุ้น MORE เสียหาย 4.5 พันล้าน หลังรับสำนวนดีเอสไอ 2 พ.ค.ก่อนหน้านี้อัยการคดีพิเศษยื่นศาลขอริบทรัพย์กว่า 4.4 พันล้านไปแล้ว ศาลนัดสืบพยาน 22 ต.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งสำนักงานคดีพิเศษแต่งตั้งคณะทำงานคดีสำคัญในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นคดีระหว่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กับพวก รวม 12 ราย กล่าวหา นายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวก รวม 42 คน ในข้อหาร่วมกันกระทำการสร้างราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ของ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) และมีลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์ หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด, ร่วมกันฉ้อโกง, เป็นอั้งยี่ และช่องโจร ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 244/3/ และมาตรา 244/5 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และมาตรา 210

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ประชาชนสนใจ สื่อมวลชนเสนอเป็นข่าวใหญ่ และเป็นคดีการกระทำ
ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่มีมูลค่าทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เพื่อให้การพิจารณาดำเนินคดีดังกล่าวนี้เป็นไปด้วยความรอบคอบ ถูกต้องครบถ้วน จึงมีคำสั่งแต่งตั้ง นายนิรันดร์ นันตาลิต อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน, นายนราธิป ธารากรสันติ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน, นายณัฏฐ์ศาสน์ สิทธิชัย อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เป็นคณะทำงาน, นายเทพประทานพร ทองคลัง อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงาน, นายศุภเศรษฐ์ คงแข็ง อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงานและเจ้าขอสำนวนร่วม, นายพงศ์ธรย์ ศิริรัตน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นเจ้าของสำนวน, นายสมุทร ลีพชรสกุล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าคณะทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สำนักงานอัยการคดีพิเศษได้รับสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 66/2566 คดีระหว่าง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดย นางวิไลลักษณ์ เจนอนันต์พร ผู้รับมอบอำนาจ กับพวกรวม 12 ราย ผู้กล่าวหา กับ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวก รวม 42 คน ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำการสร้างราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ของ บมจ.มอร์ รีเทิร์น จำกัด และมีลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์ หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด, ร่วมกันฉ้อโกง, เป็นอั้งยี่ และซ่องโจร ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 244/3 และมาตรา 244/5 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และมาตรา 210 เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา และมีการรับตัวผู้ต้องหาจนครบเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา

Advertisement

ผู้ต้องหามีพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในลักษณะของการแบ่งหน้าที่กันทำกับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ต้องหารายอื่นๆ ในการซื้อขายผลักดันราคาอย่างต่อเนื่อง โดยส่งคำสั่งซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้น ทำให้ราคาหลักทรัพย์ MORE ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น เพื่อให้ผู้ต้องหาอื่นๆ สลับเข้ามาทยอยขายทำกำไรเป็นระยะๆ มีการส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อให้เกิดการจับคู่ซื้อขายกันเองภายในกลุ่ม อันมีลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์ หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ MORE ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

อันเป็นการทำให้นักลงทุนรายอื่น หรือบุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะการที่ผู้ต้องหาขายหลักทรัพย์ MORE ที่มีอยู่ทั้งหมดในบัญชี ผ่านบริษัท อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปริมาณจำนวนหุ้นรวม 6,500,000 หุ้น สั่งขายที่ราคา 2.90 บาท รวมมูลค่า 18,850,000 บาท และเกิดการจับคู่ซื้อขายกับคำสั่งซื้อขายของผู้ต้องหาที่ 1 ที่ได้ส่งคำสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า โดยเกิดการจับคู่ซื้อขายกันเมื่อตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ ซึ่งเป็นการส่งคำสั่งขายในช่วงระยะเวลาก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ เพื่อให้เกิดการจับคู่ซื้อขายทันทีเมื่อตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ ซึ่งผิดปกติวิสัยของนักลงทุนทั่วไป

จากพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหา หรือบุคคลซึ่งทำการส่งคำสั่งขายหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ต้องหาล่วงรู้ถึงแผนการ ขั้นตอน วิธีการ และทราบข้อมูลเป็นอย่างดีว่าบัญชีซื้อขายของผู้ต้องหาที่ 1 ทำการสั่งซื้อหุ้นไว้ล่วงหน้าเป็นปริมาณมาก และจะเกิดการจับคู่ซื้อขายกับคำสั่งขายของผู้ต้องหาทันทีเมื่อตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ อันเป็นการส่งคำสั่งขายโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเอง หรือบุคคลอื่นซึ่งร่วมกระทำการได้สั่งซื้อหลักทรัพย์เดียวกันในจำนวน ราคา และภายในเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อให้ได้ไปซึ่งผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้าง

Advertisement

การกระทำของผู้ต้องหากับพวกจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกระทำการสร้างราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ของ บมจ.มอร์ รีเทิร์น จำกัด ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคา หรือปริมาณการซื้อขาย และมีลักษณะต่อเนื่อง โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์ หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด และการกระทำดังกล่าวยังเป็นการใช้กลอุบายหลอกลวงบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากบริษัทหลักทรัพย์ อันเป็นการฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์

โดยผู้ต้องหากับพวกมีการรวมกลุ่มพร้อมปกปิดวิธีดำเนินการ โดยมุ่งหมายเพื่อก่อเหตุในการสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์และฉ้อโกง อีกทั้งยังเป็นการสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดดังกล่าวซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป อันมีลักษณะเป็นอั้งยี่และซ่องโจรมูลค่าความเสียหาย 4,507,107,214.11 บาท คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ประชาชนสนใจ สื่อมวลชนเสนอเป็นข่าวใหญ่ และเป็นคดีนโยบายของรัฐ กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจึงดำเนินการพิจารณาตรวจสำนวน และมีคำสั่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณา เพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับคดีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษดำเนินการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายอภิมุข กับพวก ตกเป็นของแผ่นดิน รวมจำนวน 59 รายการ รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4,470,877,185.15 บาท  พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 ได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งไปแล้วเมื่อวันที่ 16 ก.พ.2566 ซึ่งศาลได้นัดสืบพยานในวันที่ 22 ต.ค.2567

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image