จับ”จ่ายักษ์”กลางดึก สารภาพจัดหา”ทีมทหาร-ตร.”อุ้มรีดเจ้าของสายการบิน หมายจับโชเฟอร์รายที่12

จากกรณี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคับการสายตรวจ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส. ฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม และตำรวจ บก.สปพ. ร่วมกันจับกุม พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. นายโอภาส ศรียา และนายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ และทหารกรมสารวัตรทหารเรือประจำกองทัพไทย 4 ราย ประกอบด้วย จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี และ จ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม หลังจากร่วมกันตั้งเป็นแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่นายสุรชัย แซ่ย่าง ประธานบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ทำธุรกิจสายการบิน และนายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการบริษัท เป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ญาติขอต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท โอนเงินไปให้แก๊งคนร้ายแล้วนายสุรชัยจึงถูกปล่อยตัวมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ต่อมาพนักงานสอบสวนให้ประกันตัว พล.ต.จรูญ และทหารกรมสารวัตรทหารเรือประจำกองทัพไทย 4 ราย ขณะที่ศาลให้ประกันตัว พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ และนายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ส่วนนายโอภาส ไม่มีหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว จึงถูกคุมตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 2 คน ทราบชื่อนายอุทิศ หรือจ่ายักษ์ ก่อแก้ว และนายฐิติกร หรือจ่าต้อย ชื่นอุรา โดยนายฐิติกร เข้ามอบตัวในเวลาต่อมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับชายใส่หมวกแก๊ปสีเขียวทราบชื่อเล่นเสี่ยหนุ่ม เพิ่มอีก 1 คน รวมผู้ต้องหา 11 คนนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม ที่สน.โคกคราม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคับการสายตรวจ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส. ฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม และตำรวจ บก.สปพ. เปิดเผยการจับกุมนายอุทิศ ก่อแก้ว หรือ จ่ายักษ์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1813/2560 ฐานความผิดข้อหาร่วมกันบุกรุกในเคหสถานและร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี ขณะกำลังเตรียมจะหลบหนี เบื้องต้นนายอุทิศรับสารภาพว่า เป็นสารวัตรทหารนอกราชการ ทำหน้าที่เป็นคนจัดหาและประสานหาคนมาร่วมแก๊งอุ้มรีดดังกล่าว ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 30,000 บาท

Advertisement

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวนสามารถจับกุมนายอุทิศได้เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม พร้อมกับน.ส.อารีรัตน์ ชมเชี่ยวชาญ แฟนสาว ที่หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่เดียวกัน โดยขณะนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ออกหมายจับทั้ง10รายได้ครบถ้วน ล่าสุดได้มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย คือชายหมวกเขียว 1 รายทราบชื่อแล้ว และอีก 1 รายทำหน้าที่เป็นคนขับรถ อยากฝากไปถึงคนที่หลบหนีอยู่ให้เข้ามอบตัว แต่ถ้าไม่มอบตัวก็ไม่เป็นไรเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวมาดำเนินคดี

นายอุทิศ รับสารภาพว่า รับจ้างจากพ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. หนึ่งในผู้ต้องหา โดยประสานผ่านนายโอภาส ศรียา ผู้ต้องหาอีกคน ให้ไปเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีนพาไปพบพล.ต.จรูญที่โรงเรียนย่านดอนเมืองเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่าชาวจีนได้บัตรประชาชนปลอม และไม่ทราบรายละเอียดอื่น หลังจากเสร็จงานได้รับเงินค่าจ้าง30,000บาท นำไปแบ่งให้นายฐิติกร หรือจ่าต้อย 15,000 บาท อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเพิ่งเคยก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การ

รายงานข่าวแจ้งว่านายอุทิศเป็นอดีตทหารยศ ส.อ. สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นลูกน้องเก่าของพล.ต.จรูญ จึงได้ติดตามมาทำงานกับทางพล.ต.ให้มาทำหน้าที่คุ้มกัน และจัดหาทีมคุ้มกัน นายอุทิศจึงติดต่อนายฐิติกรให้เป็นคนจัดหาลูกน้องอีกที ทั้งนี้จากการสอบปากคำนายอุทิศทราบว่า ภายหลังจากการเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีน ครั้งแรกได้เงินมาจำนวน 1,000,000 บาท แต่ยังไม่ได้ส่งให้พล.ต.จรูญ ต่อมาในวันที่ 17 สิงหาคม นักธุรกิจชาวจีนได้โอนเงินเข้าบัญชีมาอีก 1,000,000 บาท โดย นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ หนึ่งในผู้ต้องหา ทำหน้าที่ล่ามหักเงินไป 400,000 บาท จึงเหลือส่งมอบให้พล.ต.จรูญ เพียง 1,600,000 บาท จากนั้นนายอุทิศได้เงินส่วนแบ่งจำนวน 30,000 บาท ก่อนจะนำไปแจกจ่ายให้การนายฐิติกร จำนวน 15,000 บาท อย่างไรก็ตามนายอุทิศ ได้รับหนังสือคำสั่งให้ออกจากราชการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image