อัยการชี้ แม้ผ่านพ.ร.บ.โอนที่อัลไพน์เป็นที่ธรณีสงฆ์โดยชอบ แต่ไม่มีผลนิรโทษกรรม”ยงยุทธ”พ้นโทษอาญา

ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสุงสุด

เมื่อวันที่ 1 กันยายน ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสุงสุด ให้ความเห็นถึงร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามที่กระทรวงมหาดไทยผลักดันผ่านสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าร่างดังกล่าว มีเนื้อความบัญญัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการาม ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยระบุว่าการโอนกรรมสิทธิ์จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีอากร และให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและการดำเนินการใดตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน เกี่ยวกับที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งกระทำลงภายหลังจากที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์และมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม2533 จนถึงวันที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาเดิมที่มูลนิธิฯโอนที่ธรณีสงฆ์มาเป็นของตนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 การโอนที่ธรณีสงฆ์ จะต้องกระทำโดยพระราชบัญญัติเท่านั้น จะจดทะเบียนทำนิติกรรม การโอนให้แก่กันเหมือนที่ดินทั่วไปไม่ได้

ดร.ธนกฤต กล่าวต่อว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงเป็นการรับรองการโอนกรรมสิทธิ์ การจดทะเบียนทำนิติกรรม การจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินซึ่งเกี่ยวข้องกับที่ธรณีสงฆ์ ให้กับผู้รับโอนที่ดินของวัดที่ผ่านมาต่อๆกันทุกราย ไม่ว่าจะกี่ทอดก็ตามให้ชอบด้วยกฎหมายด้วย วัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขการทำนิติกรรมทางแพ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายในทางแพ่งเท่านั้น จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรักษาการณ์ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะที่ได้กระทำความผิด และถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่อย่างใด และร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่ได้มีบทบัญญัติใดที่เป็นการนิรโทษกรรมความผิดทางอาญาของผู้กระทำความผิดในกรณีที่ธรณีสงฆ์นี้ด้วย ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงมีแต่เพียงบทบัญญัติที่มีวัตถุประสงค์รับรองสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในทางแพ่งให้กลายมาเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายในทางแพ่งเท่านั้น แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการยกเว้นไม่ให้ต้องรับผิดทางอาญาหรือเป็นการนิรโทษกรรมและมีผลเกี่ยวข้องกับการลบล้างหรือบรรเทายกเว้นความผิดในทางอาญาแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image