สาว 17 สุดแสบ แฮกเฟสบุ๊ค-ไลน์ หลอกเหยื่อโอนเงินนับ 100 ราย สูญเงินกว่าล้านบาท

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 พ.ย. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน รอง ผกก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.กัลป์ กลิ่นศรี สว.3 บก.สส.ฯ และ ร.ต.อ.ฉัตราวุฒิ รักประชา รอง สว.3 บก.สส.ฯ นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.มล (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ 35/2560 ลงวันที่ 15 ก.ย.60 ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ พร้อมของกลาง สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 19 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 19 ใบ สมุดจดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ จำนวน 2 เล่ม และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่พาราไดซ์แมนชั่น ซอย4 ถนนร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี

พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากประชาชนขอความช่วยเหลือกับ บก.สส.บช.น. ว่า ถูกมิจฉาชีพ 18 มงกุฎ เข้ามาสวมรอยเป็นผู้ใช้งานเฟสบุ๊คและระบบไลน์จากบรรดาเพื่อนในเฟสบุ๊คและระบบไลน์ของผู้เสียหาย ก่อนจะติดต่อทำการขอยืมเงินโดยจะอ้างว่ามีปัญหาเดือดร้อนต่างๆนาๆ ซึ่งถ้าผู้เสียหายรายไหนหลงเชื่อก็จะโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายตั้งแต่หลักพันถึงหลักหลายหมื่นบาท โดยจากพฤติการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียหายจำนวนหลายร้อยรายที่ถูกคนร้ายฉ้อโกงเงินไป จากนั้นจึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน รอง ผกก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.กัลป์ กลิ่นศรี สว.3 บก.สส.ฯ และ ร.ต.อ.ฉัตราวุฒิ รักประชา รอง สว.3 บก.สส.ฯ วางแผนเพื่อจับกุมคนร้ายดังกล่าวเพื่อมาดำเนินคดี จนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นนักเรียนชั้น ปวช. ปีที่ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีดังแห่งหนึ่งย่านพระสุเรนทร์และยอมรับกับความผิดที่กระทำ โดยจริงๆแล้วตนเองไม่ได้คิดจะหลอกเงินใคร แต่เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา มีความเดือดร้อนขัดสนเรื่องเงินและค่าใช้จ่ายอีกหลายอย่าง จึงไม่รู้จะทำอย่างไร ระหว่างนั้นเห็นข่าวตามสื่อต่างๆว่ามีการหลอกชาวบ้านให้โอนเงินตามเฟสบุ๊คตามระบบโอน จึงเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาในสมอง

“เริ่มหลอกให้ชาวบ้านโอนเงินตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.60 โดยหาเบอร์โทรศัพท์จาดในคอมเม้นของเพจดูดวง เพจซื้อของออนไลน์ ในระบบเฟสบุ๊ค เเล้วแฮกเข้าระบบไลน์เเละเฟซบุ๊กเหยื่อ จากนั้นก็จะมาไล่ดูเพื่อนๆของเจ้าของเบอร์ที่แฮกเข้าไป โดยจะเลือกผู้เสียหายวัยกลางคน ดูมีฐานะ และทำการทักพูดคุยแบบสั้นๆไม่ต้องมีหางเสียง ทำนองว่า ขอยืมเงินหน่อย มีธุระเดือดร้อน จำนวนเท่านั้นเท่านี้ ก็ว่าไป พร้อมกับให้หมายเลขบัญชีของตัวเองทิ้งไว้ วันนึงทำแบบนี้ประมาณ 5-10 ราย หรืออย่างต่ำๆต้องได้เงินวันละ 5,000 บาท ก็พอ” ผู้ต้องหา กล่าวแบบเรียบเฉย

Advertisement

น.ส.มล (นามสมมุติ) ผู้ต้องหา รับสารภาพอีกว่า แต่ละวันถ้ามีเหยื่อหลงกลโอนเงินมาเข้ามาในบัญชีที่เปิดรอไว้เรียบร้อย ก็จะรีบทำการถ่ายเงินเข้าอีกบัญชี เพื่อป้องกันการโดนอายัดบัญชี หลังจากนั้นก็จะล้างข้อมูลและลบเฟสบุ๊คและระบบไลน์ทิ้งเพื่อป้องกันเจ้าของเบอร์โทรศัพท์และเหยื่อที่โดนหลอกโอนเงินติดตามตัวเราได้ ซึ่งตั้งแต่ที่ลงมือก่อเหตุมาเป็นเวลา 10 เดือน เฉลี่ยได้เงินมากว่า 8-9 แสนบาท โดยมีเหยื่อที่หลงกลและไม่หลงกลกว่าหลายร้อยราย ซึ่งเหยื่อที่หลงกลโอนเงินมาเยอะที่สุดก็กว่า 69,000 บาท

ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นจะนำตัวผู้ต้องส่งไปยัง สภ.สันทราย จว.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับ ส่วนประชาชนท่านใดที่คิดว่าเคยโดนหลอกโอนเงินในลักษณะนี้ให้นำหลักฐานทั้งหมดมาร้องทุกข์กล่าวโทษได้ที่ บก.สส.บช.น. ซึ่งถ้าคนร้ายเป็นบุคคลเดียวกันก็จำทำการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม และขอฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังประชาชนว่า ถ้าไม่อยากเป็นเหยื่อในคดีลักษณะนี้ 1.ไม่ควรระบบไลน์มาลิ๊งค์เชื่อมต่อกับเฟสบุ๊ค 2.ไม่ควรนำเบอร์โทรศัพท์มาตั้งเป็นรหัสยูเซอร์และรหัสพาสเวิร์ดในเฟสบุ๊คหรือระบบไลน์ เพราะมิฉะนั้นจะเป็นช่องทางให้คนร้ายแฮกข้อมูลมาหลอกลวงต้มตุ๋นตัวท่านและเพื่อนๆท่านได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image