กรมแพทย์แผนไทยฯ แจงเหตุถอนวิจัยฟ้าทะลายโจรแค่แก้ตัวเลข ยันรักษาโควิดอ่อนๆได้ดี

กรมแพทย์แผนไทยฯ แจงเหตุถอนวิจัยฟ้าทะลายโจรแค่แก้ตัวเลข ยันรักษาโควิดอ่อนๆ ได้ดี

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงถึงกรณีมีการถอนงานวิจัยสมุนไพร “ฟ้าทะลายโจร” รักษาโรคโควิด-19 ออกจากวารสารทางวิชาการนานาชาติ ว่า สืบเนื่องจากกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้มีการศึกษาพบว่า ฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพดีในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงได้ผลดี จึงมีการส่งรายงานไปตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ แต่ต่อมา ทางทีมวิจัยได้ถอนงานวิจัยออก เพราะพบความคลาดเคลื่อนของตัวเลข แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ดึงออกมาปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์แล้วจึงเสนอกลับเข้าไปใหม่ แต่กลับพบว่า ขณะนี้มีการสื่อสารขยายผลไปอย่างคลาดเคลื่อน จนเกิดความไม่เข้าใจ

พญ.อัมพร กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดของงานวิจัย เนื่องจากในช่วงต้นของการระบาดของโรคโควิด -19 ยังไม่มียาตัวใดที่รักษาได้จำเพาะว่ากำจัดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือสามารถรักษาโควิด-19 ได้ ทีมผู้ศึกษาวิจัย กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้แสวงหายารักษา ซึ่งพบว่าฟ้าทะลายโจรมีคำตอบในระดับห้องปฏิบัติการ (แล็บ) อยู่แล้ว จึงนำมาศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจรสกัด ในผู้ป่วยโควิด-19 อาการไม่รุนแรง โดยเป็นการศึกษาแบบสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบกัน แนวโน้มผลลัพธ์ที่ดี โดยเฉพาะการลดการพัฒนาตัวโรคไม่ให้รุนแรงจนปอดอักเสบ โดยได้สุ่มผู้ป่วยอายุ 18-60 ปี ไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆ แต่ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย โดยเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 จำนวน 29 ราย ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจรในปริมาณที่มีการคำนวณเรียบร้อยแล้วสำหรับการรักษา กลุ่มที่ 2 จำนวน 28 ราย ได้รับยาหลอก ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม ต่างไม่ทราบว่าตัวเองได้ยาชนิดใด

“ผลการศึกษาปัญหาปอดอักเสบ พบว่าในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจร 29 ราย ไม่มีใครที่เกิดภาวะปอดอักเสบเลย ส่วนคนที่ได้รับยาหลอก 3 ราย เกิดภาวะปอดอักเสบ หรือ ร้อยละ 10.7 ข้อมูลตรงนี้สำคัญมากที่เราผลักดันการศึกษาต่อเนื่อง และนำสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการใช้ยาในลำดับถัดไป ขณะเดียวกัน นักวิจัยต้องขยายงานวิจัยเพื่อแบ่งปันเพื่อนนักวิจัยแวดวงอื่นๆ จึงต้องคิดค่าคำนวณต่างๆ โดยมีการคำนวณถ้านัยยะสำคัญทางสถิติ ในครั้งแรกมีการคลาดเคลื่อน 0.03 จึงส่งผลวิจัยออกไป แต่เมื่อกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ก็พบว่า มีจุดอ่อน คือแทนที่ค่าความคลาดเคลื่อนจะเป็น 0.03 จะต้องเป็น 0.112 ความสำคัญคือ หากเป็นตัวเลข 0.03 เปรียบเสมือนทดลอง 100 ครั้ง การค้นพบผลลัพธ์คงเดิม 97 ครั้ง ตัวเลขน่าพอใจมาก แต่ตัวเลข 0.112 แปลว่า หากทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์เหมือนเดิมอยู่ที่ 90 ครั้ง ความเที่ยง ความคงที่ ลดลงระดับหนึ่ง แต่สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์การตัดสินใจอื่นๆ หรือไม่ ก็ต้องติดตามต่อ เพราะความคลาดเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงนี้ เพราะจำนวนกลุ่มตัวอย่างมีค่อนข้างน้อย” พญ.อัมพร กล่าว

นอกจากนี้ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า สิ่งที่ค้นพบต่อจากการวิจัย คือ การคงอยู่ของไวรัสในวันที่ 5 โดยพบว่า ใน 29 ราย ที่ได้รับฟ้าทะลายโจร ใน 10 ราย ที่ยังพบไวรัสอยู่ ส่วน 28 ราย ที่ได้ยาหลอก พบว่ามี 16 ราย ที่ยังพบไวรัสในวันที่ 5 หรือมากเกินกว่าครึ่ง ผลตรงนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความเป็นไปได้ว่าฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพในการรักษา และไม่พบว่าจะมีผลต่อระบบการทำงานของตับ ไต และระบบเลือด สะท้อนว่าเป็นความปลอดภัยที่ไว้วางใจได้

Advertisement

“ดังนั้น การถอนงานวิจัยออก เราชาวกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ค้นพบข้อผิดพลาด 1 จุดที่ว่า จึงขอดึงงานวิจัยออกมา ไม่ใช่การถูกปฏิเสธ หรือถูกส่งคืนจากทางวารสาร เนื้อหาการวิจัยยังคงเป็นไปตามรายงานฉบับแรก เมื่อปรับปรุงตัวเลขเรียบร้อยแล้ว จะมีการส่งกลับไปตีพิมพ์อีกครั้ง ดังนั้น ฟ้าทะลายโจรยังมีแนวโน้มที่ดีในการใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย และนโยบายยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง” พญ.อัมพร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image