เมื่อวันที่ 6 กันยายน นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ผลการตรวจวัดฝุ่นละออง ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี ในปี 2561 พบว่ามีแนวโน้มสถานการณ์ปัญหารุนแรงกว่าปี 2560 โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ในปี 2561 (ต.ค.2560-ส.ค.2561) ตรวจพบมีค่าในช่วง 27-303 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ในขณะที่ปี 2560 ค่าพีเอ็ม 10 อยู่ที่ 19-257 มคก./ลบ.ม. ซึ่งค่ามาตรฐานไม่เกิน 120 มคก./ลบ.ม. สำหรับจำนวนวันที่มีค่าพีเอ็ม 10 เกินมาตรฐานในปี 2561 เกิน 125 วัน จาก 328 วัน คิดเป็นร้อยละ 38.1 ซึ่งมากกว่าปี 2560 มีค่าพีเอ็มเกินมาตรฐาน 107 วัน จาก 326 วัน คิดเป็นร้อยละ 32.8
นายเถลิงศักดิ์กล่าวว่า จากการดำเนินงานในช่วงเกือบ 15 ปี ของการเป็นเขตควบคุมมลพิษ พบว่า พื้นที่ ต.หน้าพระลานมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยังคงมีฝุ่นสูงเกินมาตรฐานในช่วงหน้าแล้งของทุกปี เนื่องจากพื้นที่ ต.หน้าพระลานเป็นแหล่งผลิตหินปูน หินอุตสาหกรรม และหินก่อสร้าง รวมถึงแหล่งผลิตปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ในอนาคตเกี่ยวกับแนวโน้มการผลิตและใช้หินอุตสาหกรรมและหินปูนในพื้นที่ว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5-10 ของการผลิตในปัจจุบัน ดังนั้น คพ.จึงพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นในการที่จะบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน
รองอธิบดี คพ.กล่าวว่า จากการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีข้อสรุปและปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการฝุ่นละอองให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน 5 แนวทาง 1.ปรับจากการกำจัดฝุ่นละอองจากระบบเปียก คือการฉีดพรมน้ำ เปลี่ยนเป็นระบบแห้งด้วยการใช้รถดูดฝุ่น 2.กำหนดให้สถานประกอบการมีการควบคุม หรือจำกัดเวลาการทำงาน และขายหินในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตฝุ่นละออง 3.ปลูกต้นไม้พันธุ์ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเป็นแนวป้องกันฝุ่น 4.ใช้กฎหมายดูแลอย่างเคร่งครัด 5.เข้มงวดและกำกับดูแลรถบรรทุกให้ปิดคลุมกระบะบรรทุกอย่างมิดชิด ป้องกันหินร่วงหล่นบนถนน