ผู้ว่าฯ กทม.เล็งใช้ ปว.44 เคลียร์ ‘บ้านรุกล้ำ’ ริมคลองลาดพร้าว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภา กทม. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม. นายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว โดยลงเรือตรวจการณ์ตั้งแต่บริเวณประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม จนถึงท่าเรือชั่วคราววัดบางบัว เขตบางเขน รวมระยะทาง 10.5 กิโลเมตร (กม.)

พล.ต.อ.อัศวิน ให้สัมภาษณ์ว่า กทม.ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการโครงการก่อสร้างเขื่อนริมคลองลาดพร้าว โดยตามเป้าหมายตั้งไว้ถือว่าโครงการคืบหน้ามากพอสมควร แต่ยังคงติดปัญหาและอุปสรรคเรื่องของบ้านรุกล้ำ ซึ่งมีบางจุดที่ประชาชนที่รุกร้ำริมคลองยินยอมที่จะรื้อย้าย แต่บ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์การชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ขณะที่บางส่วนไม่ยินยอมรื้อย้ายออกจากพื้นที่เลย เช่น บ้านรุกล้ำเขตสายไหมที่มีระยะทาง 65 เมตร ส่วนนี้ กทม.จะใช้มาตรการทางกฏหมาย เนื่องจากมีการเจรจาหลายรอบ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1-2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเยียวยาหาที่อยู่ใหม่ แม้แต่การเข้าไปเจรจาหลายครั้ง กระทั่งครั้งสุดท้าย กทม.จำเป็นต้องใช้อำนาจรัฐตามกฏหมาย เช่นเดียวกับการดำเนินการกับชุมชนป้อมมหากาฬ เขตพระนคร

Advertisement

“ยอมรับภายในปี 2562 โครงการจะไม่แล้วเสร็จร้อยละ 100 แต่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด ส่วนจะขอเงินเยียวยาเพิ่มเติมหรือไม่ กทม.จะพิจารณาตามเหตุผลและมองในทุกมิติ เพราะถ้าให้ตามที่ต้องการ กทม.ไม่สามารถตอบสังคมได้ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบ ทั้งสำนักกงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

ด้าน นายณรงค์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่มกราคม 2559 และจะสิ้นสุดสัญญาภายในเดือนมิถุนายน 2562 แต่ปัจจุบันโครงการมีความล่าช้า ซึ่งตามแผนจะต้องมีความคืบหน้าร้อยละ 98 ขณะนี้ทำได้ร้อยละ 38 เท่านั้น โดยมีสาเหตุที่เป็นปัญหาอุปสรรค ทั้งบ้านรุกล้ำ 50 ชุมชน 6,638 หลังคาเรือน และปัจจุบันเหลือ 500 หลังคาเรือน ในพื้นที่ 8 เขต ซึ่งส่วนที่เหลือ กทม.จะบังคับใช้คำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 (ปว.44) หลังจากดำเนินการไปแล้วพบขยะลดลงถึง 3 เท่า หากโครงการแล้วเสร็จจะทำให้สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ขณะเดียวกัน พื้นที่เขตสายไหมจะสร้างเขื่อน 7,100 เมตร ขณะนี้เหลือเพียง 100 เมตร ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้จะเสร็จในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ เพราะมีบ้านรุกล้ำเหลือ 7 หลังคาเรือน ใน 65 เมตร กทม. โดยสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องและกองทัพภาคที่ 1 จะเร่งเจรจาให้รื้อย้ายบ้านออกไป แต่เบื้องต้นเขตสายไหมได้ออกคำสั่งใช้ ปว. 44 ซึ่งมีบ้าน 2 หลัง อยู่ระหว่างอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว

Advertisement

พล.ต.สันติพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนริมคลองบางส่วนยินยอมให้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน แต่ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงของ พอช.ว่า มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเจรจากับพี่น้องประชาชน ซึ่งอาจจะติดขัดเรื่องการก่อสร้าง ที่ก่อสร้างไม่ทันตามเวลาที่กำหนด ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ แต่ยืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่ยินยอมเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ ความคืบหน้าของโครงการดังกล่าว สำนักการระบายน้ำ กทม.ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม สำหรับเขื่อนคลองคลองลาดพร้าว มีความยาว 2 ฝั่งคลอง รวมทั้งสิ้น 45.3 กม. สำหรับพื้นที่โครงการก่อสร้างที่ส่งมอบแล้ว ความยาว 24,056 ม. ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ความยาว 21,224 ม. ปัจจุบันสามารถดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 28,800 ต้น จากทั้งหมด 60,400 ต้น คิดเป็นผลงานร้อยละ 90 ของพื้นที่ส่งมอบแล้ว ส่วนความยาวเขื่อนที่ตอกเสาเข็มแล้วกว่า21,800 ม. ผลงานทั้งโครงการทำได้กว่าร้อยละ 38 ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการกว่าร้อยละ 96.50 หากโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จนอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วมแล้ว ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองลาดพร้าวให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจนเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษน้ำเน่าเสียได้อีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image