คืบหน้า ‘สารสาสน์ราชพฤกษ์’ ปลด! ‘ผอ.เก่า’ ตั้งใหม่ เร่งปรับปรุงร.ร. เด็กยังแห่ลาออก

คืบหน้า ‘สารสาสน์ราชพฤกษ์’ ปลด! ‘ผอ.เก่า’ ตั้งใหม่ เร่งปรับปรุงร.ร. เด็กยังแห่ลาออก

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดแถลงข่าวความคืบหน้าการจัดการแก้ปัญหาความรุนแรงในเด็ก จากเหตุการณ์ครูพี่เลี้ยงกระทำเด็กชั้นอนุบาลในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี

นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงโดยลงพื้นที่โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ พร้อมรายงานให้ผู้บริหารทราบรายวัน

“ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 5 ตุลาคม มีนักเรียนแจ้งขอลาออกและขอคืนเงินค่าเล่าเรียน จำนวน 6 ราย โดย 2 รายเป็นเด็กที่อยู่ในห้องเรียนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากเดิมเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนจะลาออกและขอคืนเงิน จำนวน 40 คน” นายอรรถพล กล่าว

Advertisement

นายอรรถพล  กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะว่าขณะนี้โรงเรียน มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นตามข้อเสนอของผู้ปกครอง เช่น ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม ซึ่งใน 1-2 วันนี้ ผู้ปกครองสามารถไปชมได้ที่โรงอาหาร รวมถึงมีการปรับปรุงคุณภาพอาหารกลางวันให้ถูกหลักโภชนาการ และแจ้งเมนูล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ทางเว็บไซต์โรงเรียนให้ผู้ปกครองทราบ อีกทั้งจัดห้องดูแลสุขภาพจิต ที่มีนักจิตวิทยาประจำการ และเปิดห้องรับเรื่องร้องทุกข์

“ล่าสุดฝ่ายบริหารโรงเรียนได้ถอดถอน นางนันทิภา ยงค์กมล ผอ.โรงเรียนคนเก่าออก เนื่องจากหย่อยยานในการปฏิบัติหน้าที่ และแต่งตั้ง นางรัตนาภรณ์ มูรี่ ผอ.คนใหม่ ซึ่งมีดีกรีปริญญาเอก และใบประกอบผู้บริหารสถานศึกษา ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมเป็นต้นไป โดย สช.ได้แนะนำให้โรงเรียนตั้งรองผอ.อีก 3 คน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้” นายอรรถพล กล่าว

คืบหน้า ‘สารสาสน์ราชพฤกษ์’ ปลด! ‘ผอ.เก่า’ ตั้งใหม่ เร่งปรับปรุงร.ร. เด็กยังแห่ลาออก

นายอรรถพล กล่าวว่า ส่วนเรื่องข้อร้องเรียนปัญหาค่าธรรมเนียมการศึกษา เบื้องต้นตรวจสอบไม่พบว่ามีการเก็บเกินจากอัตราที่กำหนด เนื่องจากโรงเรียนมีทั้งหมด 130 ห้อง ในจำนวนนี้มี 45 ห้องที่รับเงินอุดหนุนจาก สช. ส่วนห้องที่เหลือสามารถเก็บได้ลอยตัว ส่วนจำนวนนักเรียนห้อง ก็ไม่พบว่ามีการรับเกินจำนวนต่อห้อง เนื่องจากห้องเรียนที่กำหนดจำนวนนักเรียนไม่เกิน 25 ต่อห้อง คือห้องเรียนอิงลิชโปรแกรม ส่วนห้องเรียนไบลิงกัวสามารถรับได้ไม่เกิน 40 คน

Advertisement

“สำหรับเรื่องใบประกอบวิชาชีพครู จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบ ในส่วนครูคนไทยมีครบ ส่วนครูต่างชาติ 76 คน มีหนังสืออนุญาตประกอบวิชาชีพจากคุรุสภา แต่มีอีก 51 คน ที่โรงเรียนอยู่ระหว่างทำสัญญาจ้าง แต่ยังไม่จ่ายเงินเดือน โดยให้ทำหน้าที่สังเกตการณ์ก่อนระหว่างรอเอกสารการประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง เนื่องจากครูต่างชาติกลุ่มถือวีซ่านักท่องเที่ยว โรงเรียนจ้างมาเพื่อทดแทนครูต่างชาติที่เข้ามาไม่ได้ จากสถานการณ์โควิด-19” นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า หลายเรื่องต้องยกเครื่องการศึกษา เบื้องต้นเป็นเรื่องปัญหาพี่เลี้ยงเด็ก หรือที่เรียกกันครูพี่เลี้ยง โดยระเบียบต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ซึ่งจากนี้ สช.จะร่วมมือกับ ดย.จัดอบรมเพื่อพัฒนาพี่เลี้ยงเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยจะมีการยกร่างหลักสูตรอบรมร่วมกัน

หมอเด็กเตือนผู้ปกครองอย่าเปิดคลิปสารสาสน์

แพทย์หญิง ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ทีมสหวิชาชีพได้เข้าไปดูแลเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงไปแล้ว 7 ราย และวันที่ 7 ตุลาคม จะเข้าไปดูแลเพิ่มอีก 35 ราย จากนั้นจะทยอยเข้าไปดูแลเด็กชั้นปฐมวัยทั้งหมดประมาณ 900 คน โดยได้รับความร่วมมือจากทีมแพทย์ นักจิตวิทยา จากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าฯ โรงพยาบาลศรีธัญญา ศูนย์สุขภาพจิตที่ 4 ปทุมธานี และสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์

แพทย์หญิง ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต

“ขณะนี้เป็นห่วงมากกับพ่อแม่ที่ดูแลเด็กปฐมวัย ที่กังวลว่าลูกตัวเองจะได้รับความรุนแรงจากครูเหมือนเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ จึงได้เปิดคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกดู รวมถึงบางคนยังจำลองสถานการณ์ เช่น บางคนเอาถุงดำไปคลุมลูก แล้วถามเคยโดนอย่างนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เนื่องจากจะส่งผลต่อจิตใจเด็กในระยะยาว ฉะนั้นแนะนำให้พูดคุยด้วยคำถามง่ายๆ หรือหากยังตอบไม่ได้ ก็ให้แสดงบทบาทสมมุติและเกมละเล่นสอบถาม” แพทย์หญิง ดุษฎีกล่าว

พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนี้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 30 คดี มีผู้ต้องหา 30 คน รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 8 คน และอยู่ระหว่างติดตามและออกหมายเรียก 4 คน รวมถึงได้รับความร่วมมือจากสำนักงานอัยการสูงสุดส่งทีมาสอบปากคำเด็กแล้ว นอกจากนี้ ทางคุรุสภาได้มาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดครูและผู้บริหารโรงเรียน

พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี

อัยการสูงสุดยันใช้กฎหมายเด็ดขาด

นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า อัยการได้ทำงานร่วมกับทีมพนักงานสอบสวน ในการสอบปากคำเด็กและผู้ปกครอง 41 ปาก ทั้งนี้ คดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน อัยการไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่สามารถให้ความมั่นใจว่าเราจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ดูเป็นสำนวนๆ ไป เช่น คดีทำร้ายร่างกายและจิตใจเด็ก ทารุณกรรมเด็ก กักขังหน่วงเหนี่ยวเด็ก และกระบวนการประกอบวิชาชีพที่ไม่มีใบอนุญาต เป็นต้น เพราะเรื่องการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก เป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้

นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

ดย.จับมือ สช.เตรียมอบรมพัฒนาครูพี่เลี้ยง

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดี ดย. กล่าวว่า ภายในเดือนนี้ พม.จะร่วมมือกับภาคเครือข่าย ประกาศเจตนารมณ์สังคมไทยไม่ใช่ความรุนแรงต่อเด็ก รวมถึงจะจะเร่งจัดอบรมพี่เลี้ยงเด็ก ให้ความรู้ความเข้าใจในการดูแลเด็ก รวมถึงเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ปกครองเด็กและเยาวชนในสถาบันต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองในโรงเรียนดังกล่าว สามารถขอรับคำปรึกษาและประเมินสภาพจิตใจ ได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี เบอร์โทรศัพท์ 0-2582-1299

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดี ดย.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image