“เพื่อไทย” ตั้งกระทู้ถาม ‘โอไมครอน’ จี้ เปลี่ยนวัคซีนเป็นรุ่นใหม่เพื่อกันกลายพันธุ์ รมช.สธ. แจง เร่งหาฉีดให้ปชช.

“เพื่อไทย” ตั้งกระทู้ถามรบ. ปมรับมือโควิด จี้ เปลี่ยนวัคซีนที่จองไว้เป็นรุ่นใหม่เพื่อกันการกลายพันธุ์ด้วย “รมช.สธ.” แจง ไทยเข้มมาตรการ-ไม่ประมาท เร่งหาวัคซีนฉีดให้ปชช.

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 ธันวาคม ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาของนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ถามนายกรัฐมนตรีถึงมาตรการรับมือเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ “โอไมครอน” ของประเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศออกมาตรการแล้ว ว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตการใดบ้างเพื่อรับมือกับเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ “โอไมครอน” โดยจะไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย และประชาชนจะไม่เดือดร้อนอีก และการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์โอไมครอนนี้รุนแรงจนอาจทำให้เชื้อสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นภูมิคุ้มกันจากโควิดจากที่เคยติดเชื้อมาก่อนก็ตาม อยากให้รัฐบาลวางแผนเกี่ยวกับวัคซีนโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เพราะก่อนหน้านี้เรารู้กันว่ารัฐบาลผิดพลาดในการวางแผนวัคซีนโควิดมาโดยตลอด และวัคซีนที่รัฐบาลได้จองไว้ ขอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่ครอบคลุมไวรัสที่กลายพันธุ์ด้วย

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาดังกล่าว ชี้แจงว่า การเปิดประเทศไม่ได้เป็นการลุกลี้ลุกลน แต่เป็นการเปิดเพื่อเราจะฟื้นเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์ที่เราสามารถคุมตัวเลขของผู้ติดเชื้อได้ในเกณฑ์ที่ศักยภาพของเรารับได้ พร้อมไปกับการฉีดวัคซีนที่คลอบคลุม อย่างไร แผนการรองรับของรัฐบาลที่ได้เตรียมการไว้มีการซักซ้อมแผนกันอย่างชัดเจน ทั้งระบบ test and go หรือระบบการกักตัว เรามีการคัดกรองอย่างเป็นระบบ ซึ่งก่อนจะมีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้ ต้องยอมรับว่าสังคมให้การยอมรับกับการเปิดประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับสายพันธุ์โอไมครอน นี้ทุกคนย่อมทราบอยู่แล้ว โรคระบาดกับการกลายพันธุ์เป็นเรื่องธรรมชาติ การหยุดยังสายพันธุ์โอไมครอนไม่ง่ายเหมือนที่เราพยายามหยุดยั้งสายพันธุ์เดลตา แต่เราจะต้องพยายามหยุดยั้งให้ได้ เราต้องสอบสวนโรคอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องติดตามเอาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมากักตัว

Advertisement

“เราไม่ได้พูดไปแล้วอยู่เฉยๆ หลังจากที่เราทราบว่ามีโอไมครอน นายกฯก็ประกาศชัดว่า 8 ประเทศที่มีการระบาดของสายพันธุ์นี้เราปิดรับการลงทะเบียนเข้าประเทศไทย แต่คนที่ลงทะเบียนไว้ก่อนจะต้องมีการตรวจ 3 ครั้ง นี่คือการคัดกรอง เราจะไม่ตื่นตระหนกกับข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน อัตราการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่วันนี้ยังไม่มากพอที่เราจะสรุปว่าเราจะปิดประเทศหรือไม่ แต่แน่นอนว่า เราไม่ประมาท ทุกสิ่งที่มีข้อกังวลเราตามติด วันนี้มี 122 ราย ที่มาจาก 8 ประเทศ ซึ่งทั้งหมดเราคุมไว้สังเกตแล้ว อย่างไรก็ตาม เราจะติดตามภายใต้ข้อมูลที่อาจจะยังไม่ครบถ้วน แต่หากมีข้อมูลที่ครบถ้วน การตัดสินใจใดๆกระทรวงสาธารณสุขต้องเรียนนายกฯเพื่อตัดสินใจต่อไป” นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต ชี้แจงอีกว่า สำหรับเรื่องวัคซีน การผลิตวัคซีนของวัคซีนแต่ละยี่ห้อเขาคงกำลังติดตาม ศึกษาอยู่ ซึ่งเรามีการพูดคุยกันเสมอกับทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์น่า แอสตราเซนเนก้า ซึ่งในสถานการณ์การกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนี้ ตนมีข่าวเรื่องการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ที่จะพร้อมในอีก 100 วัน ส่วนไบโอเอ็นเท็ก แอสตราฯ และจอร์นสันแอนด์จอนร์นสัน อยู่ระหว่างทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีน และคาดว่าจะใช้ได้ราวๆ 2-3 สัปดาห์ จึงจะทราบผล ขณะที่โนวาแว็กซ์กำลังวิจัย และพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ให้สามารถรับมือกับสายพันธุ์ใหม่ได้ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง และสัปดาห์หน้าจะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการผลิต ตนตอบท่านสั้นๆว่า ในเชิงการพาณิชย์ของบริษัทวัคซีนทุกคนต้องแข่งขันกันเพื่อผลิตวัคซีนที่ครอบคลุมเชื้อโอไมครอนให้ได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขพยายามรณรงค์มาตรการ DMHTT ของกระทรวงสธ. ซึ่งเป็นไม้ตายในการป้องกันโควิด-19 ได้ 80% ในทุกการกลายพันธุ์ ดังนั้น เราต้องช่วยกันให้ประชาชนมีวินัย และการ์ดไม่ตก ขณะที่รัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีน พร้อมค้นคว้า วิจัย เพื่อรับมือกับโควิด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image