จิตแพทย์ห่วงความรู้สึกเด็กใกล้ชิดน้องโบนัส ขอโซเชียลอย่าเติมเรื่องแง่ลบ

จิตแพทย์ห่วงความรู้สึกเด็กใกล้ชิดน้องโบนัส ขอโซเชียลอย่าเติมเรื่องแง่ลบ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์กรณีการสูญเสียนักเรียนหญิงโรงเรียนสตรีพัทลุง ว่า เป็นการสูญเสียที่น่าเสียใจ และน่าเป็นห่วงความรู้สึกของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในกลุ่มเพื่อนสนิทของเด็กถ้าจากข้อมูลของเนื้อข่าวดูเหมือนว่ามีความใกล้ชิดและได้พยายามช่วยเหลือดูแลกันระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ความทุกข์ ความรู้สึกผิด ความรู้สึกโกรธ และยอมรับสถานการณ์ไม่ได้ จะมีโอกาสเกิดขึ้นในจิตใจของกลุ่มเพื่อนๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของการสูญเสีย ในการดูแลเด็กๆ กลุ่มนี้ที่สำคัญมาก คือ การได้มีผู้ที่คอยรับฟังความรู้สึกติดค้างในใจและความทุกข์อื่นๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งสมาชิกครอบครัว ผู้ใกล้ชิดหรือกลุ่มเพื่อนๆ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยดูแลความรู้สึกได้มากที่สุด

“เหตุนี้เป็นสิ่งสะเทือนใจสูงมาก ไม่ใช่การสูญเสียปกติที่เป็นไปตามธรรมชาติ จึงเป็นไปได้ที่หลายๆ คนอาจจะต้องการความช่วยเหลือ ดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ จิตแพทย์หรือทีมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยดูแลปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา เช่น ความรู้สึกผิด ความรู้สึกโกรธที่มากๆ หรืออารมณ์ด้านลบอื่นใดที่เกิดขึ้นมาก รวมถึง ปัญหาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ การคิดวนเวียน การเกิดภาพติดตาที่มีเหตุการณ์บางเรื่องที่ชวนให้สะเทือนใจ ซึ่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพร้อมลงไปช่วยเหลือ โดยได้มอบหมายให้ทีมสุขภาพจิต ของ รพ.จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ และศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 ประสาน รพ.พัทลุง ติดต่อถึงโรงเรียน เพื่อที่จะพยายามเข้าไปดูแลเด็กกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด” พญ.อัมพรกล่าว

พญ.อัมพรกล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าเป็นห่วง คือ กลุ่มคุณครู เนื่องจากด้วยสถานการณ์มีการพาดพิงถึงอย่างมาก ดูเหมือนว่าเกี่ยวข้องอยู่ในบริบทพอสมควร เป็นสภาพจิตใจที่น่าจะเกิดทั้งความเครียด ความวิตกกังวล ความรู้สึกด้านลบอื่นๆ รวมถึงความสับสน ถ้าหากโรงเรียนมีความต้องการให้ทีมสุขภาพจิต เข้าไปช่วยดูแลก็มีความพร้อมและพยายามติดต่อโรงเรียนอยู่ด้วย ขณะที่การดูแลกลุ่มเพื่อนๆ ที่ใกล้ชิดมากๆ เพื่อรับฟังความรู้สึก และเป็นการรับฟังที่พยายามทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด พยายามระมัดระวังการที่เด็กจะได้รับข้อมูลเชิงลบจากสื่อต่างๆ และปัจจุบันสิ่งที่เป็นห่วงมาก คือ สังคมโซเชียลมีเดียที่อาจจะไปเติมความคิด ที่บางครั้งชักนำเด็กไปในทิศทางลบได้มากยิ่งขึ้น เจ็บปวดมากขึ้น

“เรื่องความเข้าใจระหว่างกันของครูและนักเรียน ในการที่จะทำให้การสูญเสียครั้งนี้ เป็นบาดแผลทางใจที่น้อยที่สุดของทุกฝ่าย และเกิดความเข้าใจเพื่อที่จะนำไปสู่การช่วยกันดูแลเด็กๆ ให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นห่วงเรื่องนี้อย่างมาก” พญ.อัมพรกล่าว

Advertisement

พญ.อัมพรกล่าวว่า วิธีการสังเกต จะต้องดูอารมณ์ด้านลบที่ถ่ายทอดออกมา การบ่นถึงความทุกข์ความเศร้าอยู่ในระดับที่รบกวนชีวิตประจำวันหรือไม่ กินอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับหรือไม่ ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ อาจจะมีการร้องไห้ คิดวนเวียน เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัว แต่ถ้ารบกวนการใช้ชีวิตเกินไปอาจจะต้องอาศัยยา หรือใช้กระบวนทางจิตวิทยา การบำบัดทางจิตใจ เข้าไปช่วยเหลือ

“สัญญาณที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง คือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่น ความโกรธมากๆ ถึงขั้นคิดร้ายต่อตนเองหรือผู้อื่น แสดงออกถึงความก้าวร้าวหรือเสียใจมากๆ ต้องให้ความใส่ใจ และเรื่องของการที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เลย ตกอยู่แต่ในความคิดเรื่องนี้เท่านั้น ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือดูแล” พญ.อัมพรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image