ชลน่าน ออกงานแรกหลังหลุด รมต. ยันไม่มีปัญหากับ ‘เพื่อไทย’

ชลน่าน เลี่ยงคุยนักข่าว ขอให้สถานการณ์สงบก่อน ยันไม่มีปัญหากับพรรค คุยสมศักดิ์ประจำ ก่อนร่วมยินดี “หมอก้อย” ผู้ริเริ่มโครงการ ‘Care D+’ แถลงความสำเร็จสร้างนักสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจนับหมื่นคน

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 9 พฤษภาคม ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ศ.นพ.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล รองอธิการบดี ด้านการติดตามและประเมินผลยุทธศาสตร์ แผน การงบประมาณ และสุขภาวะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแถลงผลความสำเร็จโครงการอบรมขับเคลื่อนการสื่อสารสาธารณะและสังคม (Care D+) ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 โดยมีเป้าหมายการอบรมบุคลากร 10,000 คนภายในเดือนเมษายน 2567 พร้อมมอบโล่เกียรติคุณ ให้แก่ พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์

ทั้งนี้ โครงการอบรมขับเคลื่อนการสื่อสารสาธารณะและสังคม (Care D+) ที่ริเริ่มโครงการโดย พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ อดีตคณะที่ปรึกษา รมว.สธ. ในสมัยที่ นพ.ชลน่าน เป็น รมว.สธ. ซึ่งถือเป็น การปรากฏตัวครั้งแรกภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เมื่อวันที่ 28 เม.ย.

ภายหลังการแถลงข่าว นพ.ชลน่าน เลี่ยงการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่า “ไม่มีประเด็นอะไร ให้สถานการณ์สงบเงียบซะหน่อย ค่อยมาพูดคุยกัน ไม่มีประเด็นอะไร”

Advertisement

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าในวันที่พรรคเพื่อไทยมีการแถลงผลการทำงาน 10 เดือน เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับไม่พบ นพ.ชลน่าน เข้าร่วมในงาน นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันนั้นตนติดภารกิจ

ถามต่อว่าไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ยังเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆ หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เหมือนเดิม ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ก็คุยกันประจำ

Advertisement

ศ.นพ.นรินทร์ กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการ Care D+ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการจัดการศึกษาแบบเรียนตลอดชีวิตเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับบุคลากรในภาคส่วนต่างๆ จากความร่วมมืออย่างจริงจังของจุฬาฯ และกระทรวงสาธารณสุข ทางจุฬาฯ ได้เฝ้าติดตามความก้าวหน้าของโครงการ ซึ่งพบว่ามีจำนวนผู้เข้าอบรมในโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณ พญ.นวลสกุล ที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการ Care D+ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการขยายผลไปยังหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป

รศ.สมิทธิ์ บุญชุติมา หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนวัตกรรมการสื่อสารและพัฒนาคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า หลักสูตรออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจ มีกลุ่มเป้าหมายคือบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ จากเป้าหมายผู้เข้าอบรมและจบหลักสูตรว่าจะต้องครบ 1,000 คนภายใน 2 เดือน ครบ 10,000 คนใน 6 เดือน ผลปรากฏในความเป็นจริงพบว่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ก็บรรลุตั้งเป้าหมาย 10,000 คน และในวันนี้มีอบรมรวม 20,000 คน และผู้เข้าเรียนได้นำความรู้ไปต่อยอดในการทำงานจริง ทั้งนี้ จุฬาฯ ได้ทำการประเมินผลกระทบทางสังคม จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ป่วยและญาติต่อการสื่อสารของบุคลากร พบว่ามีความพึงพอใจถึงร้อยละ 77 – 86 ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้การดูแลสุขภาพและการรักษาดีขึ้น ขณะเดียวกัน บุคลากรได้พัฒนาทักษะการสื่อสารและเข้าใจมุมมองของผู้ป่วยมากขึ้น ทำให้ข้อร้องเรียนลดลงความพึงพอใจของผู้รับบริการเพิ่มขึ้น

ขณะที่ ความคุ้มค่าด้วยผลตอบแทนจากการลงทุน พบว่า สามารถประหยัดค่าอบรมได้ 37 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการอบรมแบบออนไลน์ โดยการที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ต้องลามาอบรมก็สามารถคืนเวลาให้ราชการได้ถึง 160,000 ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่า 10 ล้านบาท ขณะที่มุมของสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์ฟุตพริ้นท์จากการเดินทางได้ถึง 143 ตันคาร์บอนไดออกไซด์และทำให้ประหยัดค่าน้ำมันได้ถึง 8 ล้านบาท

ด้านผลกระทบด้านอารมณ์ของผู้ให้บริการ 3 ข้อ ได้แก่ 1.สร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ 2.ลดความเครียดและความเสี่ยงจากการถูกร้องเรียน และ 3.พัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยแห่งความสำเร็จ 4 ประการ ได้แก่ 1.การออกแบบเนื้อหาและระบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบท ที่จุฬาและสท. ได้ร่วมกันออกแบบหลักสูตรขึ้นมา 2.กลไกสนับสนุนผู้เรียนที่ครอบคลุมทั้งระบบพี่เลี้ยงการตอบข้อซักถามและกิจกรรมกระตุ้นการเรียนรู้ 3.ความร่วมมือจากผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในที่การร่วมมือของผู้บริหารเป็นต้นแบบที่ดีทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีขวัญและกำลังใจในการดำเนินตาม และ 4.มีระบบการรายงานติดตามและประเมินผลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ

ส่วนข้อเสนอแนะของโครงการ 4 ข้อ ได้แก่ 1.การขยายผลและพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง 2.สร้างนโยบายและกลไกเชิงระบบเพื่อส่งเสริมการสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจ 3.ยกย่องเชิดชูบุคลากรและหน่วยงานต้นแบบ และ 4.ส่งเสริมกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วยและญาติ เพื่อให้เราเข้าใจเขามากกว่าในห้องตรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายหลังกิจกรรม มีคณะบุคลากรทางการแพทย์ ที่เข้าร่วมโครงการ Care D+ เข้าร่วมแสดงความยินดีพร้อมมอบดอกกุหลาบให้แก่ นพ.ชลน่าน และ พญ.นวลสกุล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image