กรมอนามัย ส่งทีม SehRT ลุยจตรวจความปลอดภัยในศูนย์อพยพไฟไหม้ ‘มาบตาพุดแทงค์’

กรมอนามัย ส่งทีม SehRT ลุยตรวจความปลอดภัยในศูนย์อพยพจากภัยไฟไหม้ ‘มาบตาพุดแทงค์’ ย้ำปชช.หมั่นสังเกตอาการป่วย

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุระเบิดของถังจัดเก็บสารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน ในบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันไฟสีดำจำนวนมากฟุ้งกระจายโดยรอบ มีการประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 2 เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงมาก ส่งผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ ชุมชนตากวน อ่าวประดู่ โสภณ และหนองแฟบ เบื้องต้นได้มีการประกาศให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพโดยเร่งด่วนแล้ว และจัดตั้งศูนย์อพยพเพื่อช่วยเหลือประชาชน จำนวน 3 แห่ง คือ โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร วัดพลา และบริเวณหาดน้ำริน ซึ่งวานนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว จากเหตุการณ์ภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้นดังกล่าว ถือเป็นเหตุการที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจำนวนมาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายพื้นที่ดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านบริหารจัดการ และเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน หรือ PHEOC

พญ.อัจฉรากล่าวต่อว่า สำหรับด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัยมอบหมายทีม SEhRT ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี ร่วมกับทีมจังหวัด และหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ประเมินความเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน สำรวจและประเมินการจัดการด้านสุขาภิบาลภายในศูนย์อพยพโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคารตำบลเนินพระ อ.เมือง ประเมินสุขลักษณะห้องน้ำห้องส้วม การจัดการขยะภายในศูนย์อพยพ เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงโรคระบาด และลดความแออัดของผู้อพยพ พร้อมทั้งให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันตนเองจากควันพิษและสารเคมี

“กรมอนามัย ขอให้ผู้ประกอบการสถานประกอบกิจการโรงงานต่างๆ ที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินทั้งจากสารเคมีรั่วไหลไฟไหม้และระเบิด ต้องหมั่นดูแลตรวจตราเฝ้าระวังอุปกรณ์เครื่องจักรเครื่องมือในทุกขั้นตอนของการผลิต เพื่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่ชำรุดเสียหายจนก่อให้เกิดภัยพิบัติซ้ำ และขอให้ประชาชน หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟหรือไอระเหยสารเคมี และให้รีบออกจากพื้นที่โดยเร่งด่วนเมื่อได้รับการแจ้งเตือน พร้อมหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการหายใจลำบาก แน่นหรือเจ็บหน้าอก ระคายเคืองตามร่างกาย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่และไปพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตามเหตุการณ์อุบัติภัยสารเคมีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สิ่งสำคัญ คือ การเอาตัวรอดหลีกเลี่ยงการเผชิญสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ควรมีการจัดการฝึกซ้อมการอพยพการเรียนรู้การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรู้ทางหนีทีไล่ รู้จักการเอาตัวรอดอย่างปลอดภัย ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพต่อไป” พญ.อัจฉรากล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image