เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวระหว่างบรรยายหัวข้อ “การพัฒนามหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและการให้บริการสาธารณะสำหรับทุกคน” ในการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารมหานครระดับสูง (บนส.) รุ่นที่ 13 ที่โรงแรมรอยัลปริ้นส์เซส หลานหลวง ว่า กทม.มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ซึ่งกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น อาทิ การรักษาความสะอาดเรียบร้อย การทะเบียนราษฎร การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ แต่การบริหารจัดการของ กทม.บางอย่างยังไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการแก้ปัญหา เพราะมีหลายหน่วยงานจากหลายสังกัดเกี่ยวข้อง
“ขณะนี้ ปัญหาของ กทม.คือ แนวโน้มประชากรเขตเมืองสูงขึ้น เริ่มมีการเคลื่อนย้ายแรงงานเพื่อประกอบอาชีพ มีประชากรแฝงและแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก เช่นเดียวกับประชากรผู้สูงอายุ ทำให้เกิดปัญหาซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหาการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของ กทม. เป็นหน่วยงานบริการของรัฐร้อยละ 3 เท่านั้น ส่วนโรงพยาบาลสังกัด กทม.มีจำนวนเตียงรักษาผู้ป่วยเพียง 2,000 เตียง คิดเป็นร้อยละ 5 ของประชากรในกรุงเทพฯ” นพ.พิชญา กล่าวและว่า ประเด็นท้าทายของ กทม.เมื่อมีการพัฒนาและขยายเมือง คือ มลพิษด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี ทำให้เกิดโรคคนเมือง ขณะเดียวกัน คนวัยทำงานต้องทำงานส่งภาษีให้แก่รัฐเพื่อเลี้ยงผู้สูงวัย ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยของอายุขัยยาวนานขึ้น ส่วนอัตราเกิดของเด็กกลับน้อยลง เพราะคนเมืองไม่อยากมีบุตร
ถือเป็นปัญหาน่าเป็นห่วง
นพ.พิชญา กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.มีโรงพยาบาลในสังกัด 10 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุข 68 แห่ง ดูเหมือนมีเครือข่ายครบวงจร แต่กลับไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควรและไม่อาจเปรียบเทียบการรักษาผู้ป่วยกับโรงพยาบาลอื่น อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ กทม.แข็งแกร่ง คือ การบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน กทม.เป็นจุดแข็งที่สุดเมื่อเทียบกับที่อื่น
“แม้เป็นจุดแข็ง แต่จำเป็นต้องพัฒนา เพราะด้วยปัญหาการขยายตัวของเมืองและปริมาณการจราจรหนาแน่น ต้องยอมรับว่าบ้านหลังไหนที่มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ บ้านั้นต้องทำใจ มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก เพราะการแพทย์ฉุกเฉินยังไม่สามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ทั่วถึง รวมถึงการจราจรติด ขัดทำให้ไม่สามารถนำส่งผู้ป่วยได้ทั่วถึง จึงจำเป็นต้องพัฒนา” นพ.พิชญา กล่าว
