ภาคประชาสังคมระดมกำลังจัดตั้งกองทุนดูแลกันเอง เยียวยาหลังพบคนทำงานประสบปัญหา  

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ในฐานะกรรมการดำเนินงานทอดผ้าป่าระดมทุนเข้ากองทุนภาคประชาสังคม กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งกองทุนภาคประชาสังคมว่า จากความพยายามขององค์กรที่ทำงานเพื่อสังคมกว่า 50 องค์กร อาทิ เครือข่ายองค์กรเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรสุขภาพ เครือข่ายองค์กรผู้หญิง เครือข่ายองค์กรแรงงาน เครือข่ายองค์กรทรัพยากร เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เป็นต้น ร่วมกันเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อหางบประมาณสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายภาคประชาสังคม เนื่องจากบางโครงการไม่สามารถของบอุดหนุนจากกองทุนของรัฐได้ เช่น กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนสิ่งแวดล้อม กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ฯลฯ เพราะไม่สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดงบจากส่วนอื่นๆ มาสนับสนุนเบื้องต้น โดยระดมทุนจาก 50 องค์กร องค์กรละ 10,000 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อนำมาทำงานใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1.ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ออกมาทำงานเพื่อภาคสังคมมากขึ้น เนื่องจากองค์กรภาครัฐเป็นภาคใหญ่ ไม่เหมาะกับการทำเรื่องเล็ก หรือถ้ามองอีกมุมภาครัฐทำเรื่องใหญ่ลำบากหากไม่ได้ความร่วมมือจากภาคประชาชน 2.สนับสนุนองค์กรอื่นๆ ทำงานข้ามเครือข่ายในประเด็นใหม่และประเด็นร่วมที่ไม่มีใครทำ อาทิ ประเด็นคอร์รัปชั่น เป็นต้น และ 3.ผลักดันให้สังคมเห็นบทบาทของภาคประชาสังคมในการพัฒนาหรือหาทางออกเพื่อพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน

น.ส.สารีกล่าวอีกว่า กองทุนดังกล่าวนอกจากจะนำไปผลักดันให้สังคมเข้าใจว่าภาคสังคมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศแล้ว ยังนำไปสนับสนุนโครงการระดับจังหวัด/ระดับพื้นที่กว่า 200 โครงการ เพื่อสนับสนุนให้ภาคประชาชนสามารถเข้าไปติดตามปัญหาที่เกิดในพื้นที่ของตนเองได้ และจากการร่วมมือระหว่างองค์กรและภาคประชาชนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวได้จัดตั้งเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา และเพิ่งมีการระดมทุนครั้งแรกโดยการลงขันกันจากองค์กรภาคีเครือข่าย 50 องค์กร ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้อาจจะมีไม่เพียงพอ ดังนั้นทางกองทุนจึงมีแนวคิดระดมทุนด้วยการทอดผ้าป่าสามัคคี ซึ่งการทอดผ้าป่านี้เป็นการทำบุญแนวใหม่ เป็นการทำบุญจากประชาชนเพื่อประชาชน และเงินจากการทำบุญดังกล่าวยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ สำหรับงานทอดผ้าป่าสามัคคีนี้ได้รับความเมตตานุเคราะห์จากพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง เมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งงานจะจัดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เวลา 10.00-12.00 น. ที่วัดยานนาวา พระอารามหลวง เขตสาทร กรุงเทพมหานคร

ด้านนายวันชัย บุญประชา กรรมการสถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคม (สสป.) กล่าวว่า แนวคิดการจัดตั้งกองทุนภาคประชาสังคม จุดเริ่มต้นมาจากประชาชนที่อยากมีส่วนร่วมดูแลสังคมไทยมารวมกลุ่มกัน ต่างคนต่างเอาทรัพย์สิน ความสามารถมาแชร์กัน จนทำให้ 50 องค์กร รวมถึงมูลนิธิต่างๆ และ NGOs หารือกันและมีมติร่วมกันบริจาคเงินลงขันให้เกิดกองทุนนี้ ทั้งนี้ เงินในส่วนดังกล่าวเป็นเงินมาจากประชาชนเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นเงินที่มีค่า การนำเงินในกองทุนไปใช้ต้องนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อสาธารณะอย่างแท้จริง เป็นการปิดจุดอ่อนที่โครงการซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนต่างมีข้อจำกัด ไม่สามารถกระทำได้ สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนนอกจากจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำงานภาคประชาสังคมแล้ว ยังผลักดันให้ประชาชนที่พบปัญหาในพื้นที่จัดตั้งโครงการเพื่อช่วยกันแก้ไขในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ หากผู้ที่ทำงานภาคประชาสังคมเกิดปัญหา อุบัติเหตุ ความเจ็บป่วย หรือเกิดภัยคุกคามจากผู้มีอิทธิพลหรือความไม่เป็นธรรมทางสังคม สามารถนำเงินในกองทุนมาเยียวยาช่วยเหลือได้

“องค์กรที่จะต่อสู้กับภัยคุกคามประชาชนจะของบจากกองทุนภาครัฐซึ่งเป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเรื่องไม่ได้ ดังนั้นการจัดตั้งกองทุนนี้เพื่อนำมาสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งประชาชนเป็นหลัก การจัดตั้งกองทุนเป็นเพียงการปลุกกระแสให้ประชาชนหันมาทำงานภาคประชาสังคมมากขึ้น เราขอเพียงแค่ประชาชนพบปัญหาในพื้นที่แล้วไม่นิ่งดูดาย ร่วมมือกันดูแลปัญหาในพื้นที่ ถือเป็นพลังของประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่ประชาชนและสังคมจะได้ประโยชน์จากกองทุนนี้ ทั้งนี้สามารถติดต่อสนับสนุนและติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่www.thaicivilsociety.com ” ” นายวันชัยกล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image