นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สมาคมเตรียมหารือกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงปลายปีนี้ เบื้องต้นสมาคมจะเสนอให้เร่งออกมาตรการกระตุ้นการการใช้จ่ายด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อาทิ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า การส่งเสริมให้คนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวและรับประทานอาหารในร้านอาหารสามารถนำใบเสร็จมาลดหย่อนภาษีได้ เป็นต้น เพราะเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) อย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังมีอัตราการเข้าพักลดลง 20% ซึ่งทำให้ภาพรวมทั้งปีนี้คาดว่าอัตราการเข้าพักในโรงแรมของเชียงใหม่ จะอยู่ที่ 70-75% ซึ่งถือเป็นอัตราที่เท่ากับปีที่ผ่านมา ถือว่าไม่มีการเติบโต
นางสาวอำไพ ไชยพิจิตร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 1 กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในตลาดไทยเที่ยวไทยที่มาเที่ยวภาคเหนือมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 50% ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 70% เนื่องจากบรรยากาศของคนไทยยังไม่อยู่ในช่วงต้องการท่องเที่ยว รวมถึงจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้ตลาดทัวร์จีนลดลง แต่หลังจากนี้เอกชนจะปรับแผนนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่เน้นเส้นทางท่องเที่ยวตามโครงการพระราชดำริ ส่วนในตลาดต่างชาติที่ลดลง ทั้งจีน ยุโรปและกลุ่มสแกนดิเนเวียนั้น เตรียมชี้แจงทำความเข้าใจให้ทราบว่ายังสามารถมาท่องเที่ยวทำกิจกรรมในประเทศไทยได้ตามปกติ
นายสุวัฒน์ แพภิรมย์รัตน์ ประธานชมรมโรงแรมเมืองพัทยา เปิดเผยว่า จากปฏิบัติการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้พัทยามีจำนวนห้องพักมากถึง 150,000 ห้อง ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในทำเลยอดนิยม ในช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน นักท่องเที่ยวจีนหายไป 30-40% เดือนตุลาคมหายไป 70-80% เดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะถึง 90% ขณะที่ฝรั่งต่างชาติหายไปอีก 5-10%
ปกติไฮซีซั่นมีอัตรานักท่องเที่ยวเข้าพัก 90% ตอนนี้เหลือเพียง 10-15% เท่านั้น แถมยังต้องลดราคาลง สำหรับโรงแรม 4 ดาว ปกติราคาขายห้องละ 1,300-1,500 บาท แต่ตอนนี้เหลือ 800-900 บาท ส่วน 3 ดาว จากราคา 900-1,000 บาท ตอนนี้เหลือ 700-800 บาท ขณะนี้เอกชนเริ่มต่อรองขอผ่อนผันดอกเบี้ยกับธนาคารแล้ว มองว่าภาพรวมพัทยาไม่น่าจะกระเตื้องในเร็ว ๆ นี้ จนถึงตรุษจีนก็ไม่น่าจะดี
