นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปีงบประมาณ 2560 กรมศุลกากรต้องลดอากรตามข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศหลายรายการ ทำให้รายได้ภาษีหายไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกรณีรถยนต์นำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียน ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.-ธ.ค. 2559) มีปริมาณเพิ่มขึ้น 30% แต่ว่าจัดเก็บภาษีหายไปถึง 60%
รถค่ายญี่ปุ่นหลายค่าย อาทิ นิสสัน โตโยต้า ฯลฯ ไปตั้งฐานการผลิตที่มาเลเซียกับอินโดนีเซีย แล้วก็ขอใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียนที่เรียกว่า ฟอร์มดี ซึ่งทำให้ภาษีขาเข้ากลายเป็น 0% โดยเฉพาะรถยนต์จากอินโดนีเซียนำเข้ามาค่อนข้างมาก ทำให้รายได้ภาษีหายไปค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะรวบรวมข้อมูลรายงานต่อรัฐบาลว่าผู้ประกอบการมีการขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างไรบ้างในระยะต่อไป
แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นไปตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ กรมไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มาก นอกจากตรวจสอบการสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้อากรขาเข้ารถยนต์แต่ละปีจะอยู่ที่ 30-40% ของรายได้อากรรวมทั้งหมดกว่า 1.2 แสนล้านบาท ขณะที่ 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5,272 ล้านบาท ลดลง17% โดยจัดเก็บได้ 25,682 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วจัดเก็บได้ 30,954 ล้านบาท และเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,618 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้า 18% โดยในปีงบประมาณ 2560 มีเป้าหมายจัดเก็บรายได้ 120,000 ล้านบาท ไตรมาสแรกตั้งเป้าไว้ 31,300 ล้านบาท