นายนิพจน์ ไกรลาสโอฬาร ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยในงานเกาะติดทิศทางการลงทุน ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นยังมาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อที่ 1.3% โร้ดแม็ปการเมือง อย่างไรก็ตามในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น ผลตอบแทนตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้จึงเป็นจังหวะการลงที่เหมาะสม เนื่องจากค่าความถูกแพงของหุ้น หรือกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 13-14 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ค่าพี/อีอยู่ที่ประมาณ 16 กว่าเท่า ที่ดัชนีระดับ 1,800 จุด ขณะเดียวกันอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ต่อปี
“เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้น ณ สิ้นปีจะเป็นไปตามเป้าที่ประเมินไว้ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,840 จุด เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในประเทศยังเติบโต ทั้งการบริโภค อัตราเงินเฟ้อ การส่งออก การลงทุนและโร้ดแม็ปการเลือกตั้งที่มีความชัดเจน ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศคาดว่าจะมีผลกระทบระยะสั้น สำหรับกลุ่มหุ้นการลงทุนที่น่าสนใจและปันผลสูง ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นกลุ่มสื่อสาร” นายนิพจน์กล่าว
ทั้งนี้แนะนำการลงทุนในหุ้น ควรจะจัดพอร์ต โดยแบ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ 60% เพราะขณะนี้หุ้นขนาดใหญ่ลดลงไปมากจากกระแสเงินทุนต่างชาต (ฟันด์โฟลว์) ไหลออก ส่วนอีก 40% ให้แบ่งเป็นหุ้นปันผล 20% และหุ้นกลาง-เล็ก 20%
