วันที่ 10 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,721.48 จุด เคลื่อนไหวในแดนบวกก่อนปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,730.13 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 8.65 จุด หรือ 0.50% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,733.50 จุด ทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,724.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 33,138.94 ล้านบาท
โดยนายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวได้ในระยะสั้น ก่อนจะเข้าสู่ภาวะแกว่งออกด้านข้าง (ไซด์เวย์) ซึ่งภาพรวมน่าจะคล้ายกับ 1-2 วันที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน เพื่อรอติดตามการแถลงรอบครึ่งปี (semi-annual testimony) ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาสหรัฐ (คองเกรส) ในคืนวันนี้เวลาประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ตลาดการเงินเผชิญความไม่แน่นอนของการตัดสินใจของเฟดในการประชุมวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ หลังจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าตัวเลขมีความแข็งแกร่งมาก แต่สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ยังให้น้ำหนักเกือบ 100% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในวันดังกล่าว
นายรักพงศ์กล่าวว่า แต่เคจีไอประเมินว่ามีโอกาสน้อยที่เฟดจะรีบลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ และน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 2562 ทั้งนี้ประเด็นดอกเบี้ยเฟดที่ไม่ชัดเจน ผนวกกับปัจจัยลบในฝั่งยุโรป เช่น การปรับโครงสร้างอย่างเฉียบพลันของธนาคารดอชย์แบงก์ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในฝั่งยุโรป ยังคงกดดันสกุลเงินยูโรและผลักดันดัชนีค่าเงินดอลลาร์ แข็งค่าสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ น่าจะกดดันจิตวิทยาของตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยในระดับหนึ่ง
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
