09.00 INDEX เห็นใจ “เข้าใจ” สุทิน คลังแสง จาก “เรือดำน้ำ” ถึง “น้ำมันหาย”
มิใช่กรณี “เรือดำน้ำ” ไม่มีเครื่องเท่านั้นที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างท้าทาย หากแม้กระทั่งการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของ “น้ำมัน” กว่า 2 แสนลิตรก็กำลังเป็น “คำถาม” ดังกึกก้อง
ดังจาก”กองทัพเรือ” ดังจาก “กองทัพบก” ไปยัง “รัฐมนตรี” ว่าการกระทรวง “กลาโหม”
ประเด็นมิได้อยู่ที่ “ที่ปรึกษา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเด็นมิได้อยู่ที่ “เลขานุการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะมีความเห็นอย่างไร
หากแต่อยู่ที่ว่า “รัฐมนตรีว่ากา” กระทรวง “กลาโหม” จะกำหนดท่าทีของตนอย่างไรเมื่อประสบเข้ากับ “คำถาม” ในลักษณะ เร่งเร้าจาก “สังคม”
ต้องยอมรับว่า ไม่ว่ากรณี “เรือดำน้ำ” ไม่ว่ากรณี “น้ำมันหาย” เป็นเรื่องก่อนการเลือกตั้ง เป็นเรื่องก่อนการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่อง ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งเป็น “รัฐมนตรีว่าการ” กระทรวง “กลาโหม”
นั่นก็คือ กรณี “เรือดำน้ำ”เป็นงบประมาณผูกพันจากรัฐบาล
หลังยุครัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 นั่นก็คือ กรณี “น้ำมันหาย” เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2565
แล้วเหตุใด “เผือกร้อน” จึงตกในมือ นายสุทิน คลังแสง
หากประเมินจากท่าทีของ “ผู้บัญชาการทหารเรือ” ไม่ว่าผู้ที่ดำรง ตำแหน่งก่อนหรือหลังเดือนตุลาคม 2566 ก็ต้องยอมรับว่ามีความ หนักใจทั้งของกองทัพเรือและของกระทรวงกลาโหม
เพราะว่าอำนาจในการตัดสินใจมิได้อยู่ที่ “จีน” หากแต่อยู่ที่ข้อกำหนดอันติดตรึงอยู่กับ “เยอรมนี”
ขณะเดียวกัน แม้ว่ากองทัพบกพยายามกำหนด “กรอบ” ในกรณีของ “น้ำมันหาย” ให้เห็นว่าเป็นเรื่อง “ภายใน” แต่เมื่อแม้กระ ทั่ง “เอกสารลับ” ก็หลุดออกต่อสังคมย่อมกลายเป็นเรื่องสาธารณะ
มองจากความจัดเจนของ “ที่ปรึกษา” มองจากความจัดเจนของ “เลขานุการ”ซึ่งทำงานอยู่เคียงข้างกับ “รัฐมนตรีว่าการ” กระทรวง “กลาโหม” นี่ย่อมเป็นเรื่องความมั่นคง”
เพียงแต่ว่า “ความมั่นคง” นี้จะใช้วิธีวิทยาอย่างไรในการบริหารจัดการ เป็นวิธีวิทยาแบบ “เดิม”หรือว่าเป็นวิธีวิทยาแบบ “ใหม่”
วิธีวิทยาแบบ “เดิม” ย่อมอิงอยู่กับรากฐานอันมาจาก “รัฐประหาร” ดำเนินไปอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ เคยปฏิบัติ
ไม่ต้องสนใจ “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” เพราะไม่มี “ฝ่ายค้าน”
แต่ความเป็นจริงที่ นายสุทิน คลังแสง ดำรงอยู่มีความแตกต่างเพราะไม่เพียงมาเพราะมติของพรรคเพื่อไทย หากแต่มีมตินี้อยู่บนพื้นฐานแห่ง “การเลือกตั้ง” ของประชาชน
สิ่งที่ไม่เคยมี “ปัญหา” ในกาลอดีตก็กลับกลายเป็น “ประเด็น” เมื่ออยู่ในมือของ “รัฐมนตรีว่าการ”กระทรวง “กลาโหม” ปัจจุบัน
คำถามอยู่ที่ นายสุทิน คลังแสง มี “คลังแสง”อยู่จริงหรือไม่
