เลขา UN เตือน ต.อ.กลางอยู่บนขอบเหว ย้ำมนุษยธรรมไม่ใช่เครื่องต่อรอง ดับเฉียด 4 พัน

เลขา UN เตือน ต.อ.กลางอยู่บนขอบเหว ย้ำมนุษยธรรมไม่ใช่เครื่องต่อรอง ดับเฉียด 4 พัน

นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า สถานการณ์ในตะวันออกกลางกำลังอยู่บนปากเหว พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งยังขอให้อิสราเอลยอมให้มีการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังฉนวนกาซาอย่างรวดเร็วและปราศจากอุปสรรค
กุแตเรซกล่าวว่า ฉนวนกาซากำลังขาดแคลนทั้งน้ำ ไฟฟ้า รวมถึงสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ ยูเอ็นมีสต๊อกอาหาร น้ำ ข้าวของที่ไม่ใช่อาหาร เวชภัณฑ์ และเชื้อเพลิง ซึ่งพร้อมที่จะจัดส่งให้ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
เลขาธิการยูเอ็นกล่าวด้วยว่า เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งมอบสิ่งของเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวของเราในภาคพื้นดิน พร้อมด้วยพันธมิตรและเอ็นจีโอจำเป็นต้องสามารถที่จะนำสิ่งของเหล่านี้เข้าไป และกระจายไปทั่วฉนวนกาซาได้อย่างปลอดภัย รวมถึงไม่มีอุปสรรคในการส่งมอบให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
“ทั้งสองประเด็นนี้มีเหตุผลในตัวของมันเอง เพราะมันไม่ควรที่จะถูกใช้เป็นเครื่องต่อรอง แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ เพราะมันเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำ” กุแตเรซกล่าว
นายฟิลิปเป้ ลาซซารินี หัวหน้าองค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) กล่าวว่า ภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ของยูเอ็นในฉนวนกาซาจวนเจียนที่จะล่มสลาย
ลาซซารินีกล่าวว่า หน่วยงานของเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้อีกต่อไป ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว ไม่มีข้าวสาลีสักเมล็ด หรือเชื้อเพลิงเพียง 1 ลิตร ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฉนวนกาซาในช่วง 8 วันที่ผ่านมา ทุกๆ ชั่วโมงเราได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากผู้คนในกาซามากขึ้นเรื่อยๆ
“การโจมตีอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วน่ากลัวมาก การโจมตีและการจับตัวประกันถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง แต่คำตอบของการสังหารพลเรือนไม่อาจเป็นการสังหารพลเรือนเพิ่มมากขึ้นได้” ลาซซารินีกล่าว และว่า การปิดล้อมฉนวนกาซาและวิธีที่มีการบังคับใช้มัน ไม่ได้เป็นอะไรนอกไปจากการลงโทษแบบเหมารวม
ลาซซารินีกล่าวด้วยว่า ผู้คนจำนวนมากที่ต้องการหาที่พักพิงในโรงเรียนรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ของ UNRWA ในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาจะต้องล้นหลามอย่างแน่นอน แต่เราไม่สามารถที่จะรับมือกับพวกเขาได้อีกต่อไป
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาล 21 แห่งในฉนวนกาซาได้รับคำสั่งจากกองทัพอิสราเอลให้ทำการอพยพ ซึ่ง WHO ตั้งข้อสังเกตว่าการบังคับอพยพในโรงพยาบาลถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
WHO ระบุว่า การบังคับอพยพจากโรงพยาบาลในฉนวนกาซาทำให้ชีวิตของผู้ป่วยที่เปราะบางตกอยู่ในความเสี่ยงทันที ซึ่งมันไม่ต่างกับการสั่งลงโทษประหารชีวิตกับผู้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือต้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิต
ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลและปาเลสไตน์ใกล้ถึง 4,000 รายแล้ว โดยเป็นยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอล 1,300 ราย และเป็นผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา 2,670 ราย หนึ่งในสี่ของจำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเป็นเด็ก นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 10,000 ราย และมีผู้สูญหายอีก 1,000 คน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอล
ส่วนสถานการณ์ในการอพยพของชาวปาเลสไตน์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้อิสราเอลได้บอกให้ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในฉนวนกาซาทางตอนเหนืออพยพลงไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ ขณะนี้มีรายงานว่ามีผู้อพยพตามคำสั่งดังกล่าวแล้วกว่า 600,000 คน จากประชากรในพื้นที่เล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 2,000,000 คน
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าชาวปาเลสไตน์บางคนที่ได้เดินทางลงไปยังตอนใต้กำลังมุ่งหน้ากลับไปทางเหนือ เพราะพวกเขาเห็นว่าตนเองก็ยังตกเป็นเป้าโจมตีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ด้านกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซาได้ขอให้ประชาชนเพิกเฉยต่อคำสั่งของอิสราเอล
วิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซาเกิดขึ้นท่ามกลางสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐระบุว่า เป็นความพยายามในการระดมพลเพื่อบรรเทาวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ที่คาดว่าจะเกิดการโจมตีภาคพื้นดินอย่างรุนแรง ขณะที่สหรัฐก็ยืนยันความชอบธรรมในการป้องกันตนเองของอิสราเอล
ด้านนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้ประกาศให้ชาวอเมริกันเดินทางไปรอยังจุดผ่านแดนราฟาห์ ที่ติดกับประเทศอียิปต์ ซึ่งจะมีการเปิดขึ้นอีกครั้ง โดยสหรัฐจะทำงานร่วมกับอียิปต์ อิสราเอล และยูเอ็นเพื่อให้ได้ความช่วยเหลือผ่านช่องทางดังกล่าว
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image