ฝากขัง จูหลิง ซู เเก๊งอุ้มคนจีนเรียกค่าไถ่ 2.5 ล้านบาท ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ สน.ดินเเดง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง นายจูหลิง ซู หรือนายชยากร ซู หรือเฮียเก้า อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย ผู้ต้องหาที่ชี้เป้าเหยื่อชาวจีนให้แก๊งตำรวจอุ้มไปรีดทรัพย์ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2062/2567 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มผู้เสียหายชาวจีนไปรีดค่าไถ่ 2.5 ล้านบาท ข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานฯ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน

โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงต่างๆ กับผู้ต้องหาโดยนายจูหลิงตอบมาเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่รู้ครับ”

สำหรับคดีนี้ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 3 คน ที่ยังหลบหนีอยู่ ได้แก่ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ผบ.หมู่จราจร สน.พญาไท, นายเจียนเปียว อู๋ ชาวจีนที่หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และนายณัฐพงษ์ เปาเล้ง ซึ่งมีรายงานว่า นายณัฐพงษ์ได้ประสานมาทางฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดง ว่าจะขอมอบตัวภายในวันนี้ (8 พ.ค.) โดยนายณัฐพงษ์เป็นบุคคลที่เข้าไปร่วมอุ้มผู้เสียหายชาวจีนมารีดค่าไถ่ พร้อมกับเป็นคนที่ขับรถยาริส ซึ่งเป็นรถ 1 ใน 4 คันที่ผู้ต้องหาใช้ขับพากลุ่มผู้เสียหายไปรีดค่าไถ่ ส่วน จ.ส.ต.วีรยุทธ และนายเจียนเปียว ยังไม่ได้รับการประสานว่าจะขอมอบตัวแต่อย่างใด ซึ่งฝ่ายสืบสวนก็อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยมีรายงานว่า จ.ส.ต.วีรยุทธหลบหนีกบดานอยู่ทางภาคใต้

ต่อมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.ดินแดงได้คุมตัวนายชยากร ซูขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน

Advertisement

โดยคำร้องพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน2567 เวลาประมาณ 20.15 น. นายหวัง เชิน (Mr.Wang Zhen) ผู้เสียหาย ชาวจีน พร้อมกับกลุ่มเพื่อนชาวจีนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้าไป ในห้องพัก โรงแรม บี ยู เพลส แขวงและเขตดินแดง กทม. แล้วคุมตัวผู้เสียหายกับพวกไว้ โดยอ้างว่ากระทำผิดกฎหมาย และต้องนำตัวผู้เสียหายกับพวกไปที่สถานีตำรวจ จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้พากลุ่มผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ออกจากที่เกิดเหตุ และระหว่างเดินทางกลุ่มชาย
ฉกรรจ์ดังกล่าวได้เรียกรับทรัพย์สินจากกลุ่มผู้เสียหาย เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี จึงได้ติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ประเทศกัมพูชา เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีดิจิทัล ตามที่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวต้องการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 65,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นเงินไทยประมาณ 2,500,000 บาท เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้รับทรัพย์สินตามที่ต้องการแล้ว จึงปล่อยตัวผู้เสียหายกับพวก

ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.ดินแดง เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากนั้นตำรวจจึงสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน.จนทราบว่า 1ในผู้ต้องหาคือ นายชยากร ซึ่งได้อยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่นๆในวันและเวลาที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับกระทั่งได้รับแจ้งจากสายลับว่าเห็นผู้ต้องหาปรากฏตัวที่บริเวณ ลานจอดรถร้านซ้งเป็ดพะโล้ ถ.ลาดพร้าว-วังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 23.00 น.ส่งพนักงานสอบสวนสน.ดินแดงดำเนินคดีข้อหากระทำความผิดฐาน”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต.ร่างกายสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป”

Advertisement

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จะต้องรอสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลางและประวัติการต้องโทษ จึงขออำนาจศาลฝากขังไว้เป็นระยะเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8 – 19 พ.ค.2567

ในกรณีผู้ต้องหา ขอให้ปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจาก หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลับหนี และจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เช่นเดียวกับผู้เสียหายที่ยื่นคำร้องขอขอคัดค้านเนื่องจาก เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานพยานสำคัญในคดี

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมา นายชยากร ซู ผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ในชั้นฝากขัง

ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้องฝากขังแล้วเห็นว่า การที่ผู้ต้องหา กับพวกร่วมกันกระทำต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศ กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาตยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหา และผู้ร้องทราบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image