จากกรณีพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. เรียกสอบ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สว.กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝอ.ภ.จว.นครปฐม ปฏิบัติราชการ กก.สส.ภ.จว.นครปฐม เนื่องจากสงสัยว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี สีเทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ต้องสงสัยว่านำพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าว หลบหนี กรณีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังด่านทหารในจ.สระแก้ว พบรถยนต์คันดังกล่าวขับผ่านกล้องวงจรปิดนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 กันยายน พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ทาง สน.ปทุมวัน ดูเพียงในส่วนของรถยนต์เท่านั้น ขณะนี้มีการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนรถทั้ง 2 แผ่นป้าย พบว่าป้ายทะเบียนไม่ตรงกับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี คันดังกล่าวที่ตรวจยึดมา แต่ป้ายทะเบียนทั้ง 2 แผ่น ออกถูกต้องตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก แต่เป็นของรถคันอื่น เบื้องต้นจากการตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี พบว่าเป็นรถที่ติดไฟแนนซ์ของผู้หญิงรายหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2550 ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับใครบ้างหรือแจ้งข้อหาหรือไม่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นผู้ให้ข้อมูลเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 22 กันยายน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้คณะทำงาน เข้าดำเนินคดีเกี่ยวกับรถโตโยต้าคันดังกล่าว ต่อ พ.ต.ท.เจริญสิทธ์ จงอิทธิ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน เบื้องต้นจากการตรวจสอบ แผ่นทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร และ ป้ายทะเบียน ฌย 2123 กรุงเทพมหานคร พบว่าเป็นป้ายทะเบียนที่ถูกต้องจากกรมการขนส่งทางบก โดยแผ่นป้ายเป็นของรถยี่ห้อฮอนด้า แต่เมื่อทำการตรวจสอบ เลขตัวถังเครื่อง พบว่า ป้ายทะเบียนจริง คือ สฮ 7093 กรุงเทพมหานคร เป็นรถเช่าซื้อ และขาดส่งไฟแนนซ์ ตั้งแต่ปี 2550 โดยมีการเรียกตัวแทนของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งมาสอบปากคำตั้งแต่เมื่อวันที่22 กันยายนที่ผ่านมา ทราบว่ามีหญิงมาทำการเช่าซื้อรถคันดังกล่าวไปจากบริษัท เมื่อปี 2550 และขาดส่งประมาณ 3 งวด จึงทำการฟ้องเพื่อขอยึดรถ และให้ไฟแนนช์ ติดตามยึดรถ เมื่อปี 2550 แต่ไม่พบทั้งรถยนต์และบุคคลเช่าซื้อ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถคันดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ให้การว่า รถคันดังกล่าว ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เป็นผู้นำมา ขณะที่ ด.ต.พรพิพัฒน์ ให้การว่า รถคันนี้ มีนายตำรวจระดับสูงเป็นผู้นำมาให้ อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีกับใคร เนื่องจากต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) โดยป้ายทะเบียนทั้ง 2 แผ่น ที่พบเป็นของจริงจึงไม่เข้าข่ายการปลอมแปลงเอกสารราชการ แต่การนำป้ายทะเบียนที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก มาให้กับรถอีกครั้งไม่ตรงกัน จะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.รถยนต์ ซึ่งเป็นโทษปรับเท่านั้น ไม่เข้าเกณฑ์คดีอาญา
