พรรคเพื่อไทยแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า จะเปิดการแถลงข่าวในวันที่ 17 พ.ค.เรื่อง 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและ คสช. นำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย แต่ก่อนการแถลงมีตำรวจจาก สน.มักกะสัน เข้ามาขอพูดคุยกับแกนนำพรรค โดยระบุว่าตำรวจมาประชาสัมพันธ์ว่าขอให้ทางพรรคดำเนินการใดๆ ด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ซึ่งการแถลงข่าวเกิน 5 คน สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดคำสั่งดังกล่าว ขอให้หลีกเลี่ยงประเด็นทางการเมือง และอย่าให้เกิดความวุ่นวาย หลังพูดคุยประมาณ 5 นาที สุดท้ายพรรคเพื่อไทยให้บุคคล 3 คน คือนายชูศักดิ์ ศิรินิล นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนวัฒนา เมืองสุข ซึ่งไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคขึ้นกล่าว ส่วนแกนนำคนอื่นๆ รออยู่ข้างล่าง ระหว่างนั้นมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย กระจายกำลังอยู่โดยรอบ
บุคคลทั้งสาม คือ นายชูศักดิ์ นายจาตุรนต์ และนายวัฒนา ได้ขึ้นแถลงข่าว มีสาระตอนหนึ่งว่า การแถลงเรื่องนี้เป็นสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมือง และของประชาชนที่จะสามารถกระทำได้ แต่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาบอกว่าอาจจะเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ทั้งที่การแถลงในลักษณะนี้ได้กระทำมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว จึงลดขนาดคนแถลงลงเหลือเพียง 3 คน เพราะต้องรักษาพรรคไว้ และระบุว่า รัฐบาลประกาศให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ แต่การแถลงข่าวในลักษณะที่เป็นการใช้สิทธิปกติกลับไม่สามารถทำได้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต และได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญกลับกลายเป็นอาชญากรรม และถูกลิดรอนมากกว่าเดิม
การสั่งการให้ตำรวจเข้าขัดขวางการแถลงข่าวซึ่งไม่ได้มีวี่แววว่าจะเกิดความรุนแรง หรือเกิดความวุ่นวายปั่นป่วนนี้ไม่เป็นผลดีกับใคร และทำให้เกิดปัญหาต่อภาพลักษณ์ของ คสช.และรัฐบาล ซึ่งประกาศว่าเดือน ก.พ.2562 จะมีเลือกตั้่ง เหลือเวลาเพียง 8 เดือน พรรคการเมืองในฐานะสถาบันของระบอบประชาธิปไตยควรจะได้แสดงความคิดเห็นต่อประชาชน กลับไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญ การกำหนดให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติย่อมไม่มีความหมายใดๆ หากประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้ กรณีที่เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรทบทวน เพราะวาระ 4 ปีของรัฐบาล สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปมากแล้ว การบังคับใช้คำสั่ง คสช.ในลักษณะที่ลิดรอนเสรีภาพไม่สอดคล้องกับทิศทางที่ประเทศกำลังมุ่งไป
