ผู้เขียน | สัญญา รัตนสร้อย |
---|
เดินหน้าอย่างขยันขันแข็งในการรวบรายชื่อสมาชิก สนช. ให้ได้อย่างน้อย 1 ใน 10 ของจำนวน สนช.ที่มีอยู่ เพื่อเสนอแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.
พุ่งเป้ายกเครื่องกระบวนการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง
นวัตกรรมล่าสุดของระบบการเลือกตั้ง ทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ก็กำลังถูกแก้ไขเสียแล้ว
เหตุผลของสนช.กลุ่มนี้ เป็นห่วงว่าระเบียบคัดเลือกที่ กกต.ออกมา อาจหละหลวม ไม่รอบคอบรัดกุมเพียงพอ
มีฐานะแค่ “ระเบียบกกต.” ถูกปรับเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ สุ่มเสี่ยงให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาครอบงำในอนาคต
ด้วยความปรารถดี สนช.กลุ่มนี้ จึงเสนอโครงสร้างใหม่ บรรจุลงไปในตัวกฎหมายแม่ให้มั่นคง
แต่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมากก็คือ ทำไมเพิ่งตื่นวิตกเอาตอนนี้ ในเมื่อขั้นตอนคัดเลือกของ กกต.เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำกันไปแล้ว
ดูจากไทม์ไลน์ จะพบว่าระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้ง ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561
กกต.ประกาศรับสมัครผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด ระหว่างวันที่ 13 – 22 มิถุนายน
จากนั้นผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ กลั่นกรองตัวบุคคล
ได้ผู้ตรวจการเลือกตั้งครบ 616 คนจาก 76 จังหวัดบวกกรุงเทพมหานคร เรียบร้อย
มีเสียงซุบซิบกันให้แซ่ด การจุดพลุครั้งนี้อาจเป็นเพราะเห็นรายชื่อ ดูหน้าดูตาผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็พบว่า “ผิดคิว”
จึงต้องบังเกิดปฏิบัติการ “โละทิ้ง”
ที่สำคัญจะเดินหน้าแก้ไขพ.ร.บ. กกต. มีทั้งขั้นตอนการออกกฎหมาย รับฟังความเห็นประชาชน เปิดรับ-คัดเลือกผู้สมัครรอบใหม่จนเสร็จสิ้นกระบวนความ ไม่ใช่ทำได้ชั่วลัดนิ้วมือ
โรดแมปเลือกตั้งมีเวลาเป็นตัวกำหนด
เบื้องต้นที่จะมาก่อน ประเมินกันว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. น่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนนี้
เป็นงานแรกที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องทำหน้าที่
การสวนทางกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ มีปัญหาเรื่องเวลาทันที
อาจอาศัยข้ออ้าง เพื่อความราบรื่นให้คณะผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คนทำหน้าที่ไปก่อน
ชุดปรับปรุงใหม่ ค่อยไปลงสนามการเลือกตั้งทั่วไปต้นปีหน้า
ก็ยิ่งเติมเต็มข้อสังเกตในเจตนา “ตีโอบทุกทิศทาง” สอดรับกับการควบแน่นของ “พลังดูด”
แม้พยายามเข้าใจความเป็นห่วงของกลุ่มสนช. ยังคงหวาดระแวงการครอบงำของฝ่ายอื่น
แต่อดคิดไม่ได้ พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า “การเมือง” เช่นกัน