ถือธงนำ ‘สันติสุข’ ยังต้องเดินหน้าต่อ

สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมา นอกจากคร่าชีวิตผู้คนเป็นผักปลาแล้ว มุ่งเป้ากลุ่มเจ้าหน้าที่และกลุ่มอ่อนแอ โดยเฉพาะชาวบ้านกับพระสงฆ์ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเป็นฝีมือของ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” สุดโต่ง ที่ไม่เข้าร่วมกลุ่มพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มเห็นต่างอื่นๆ บนโต๊ะเจรจากับฝ่ายไทย

มีเป้าหมายเพื่อต้องการให้ “ความรุนแรง” อันโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้น เพื่อดึงองค์กรประชาคมชาวโลกเข้ามาร่วมวง มีส่วนร่วมในการเจรจาด้วย เป็นการขยายผลให้ใหญ่โตขึ้นสู่ระดับนานาชาติ สวนทางกับรัฐบาลไทยที่ยินยอมและเปิดเผยในการให้ “มาเลเซีย” ทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจา

ประชาคมโลกเองรับรู้มาตลอดว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นชายแดนภาคใต้ของไทย มิใช่เรื่องความขัดแย้งทางด้านศาสนา เป็นเรื่องภายในประเทศไทยที่สามารถดำเนินการจัดการ ไม่ขยายวงออกไป แม้จะเกิดเหตุรุนแรงหนักหน่วงขึ้นมากมายไม่จบสิ้น แต่รัฐบาลไทยก็ให้ความสำคัญในการเจรจาเพื่อดึงกลุ่มเหล่านี้เข้ามาพูดคุย ที่ยังคงดำเนินต่อไป

ขณะที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ พี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธ-มุสลิม ส่วนใหญ่ยังรักกลมเกลียวและกอดกันเหนียวแน่น

Advertisement

ตลอดที่ผ่านมานับสิบปี แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีใครมีความสุขเหมือนที่มีการโฆษณาชวนเชื่อกันเอาไว้ หญิงม่าย เด็กกำพร้า การพรากจากคนที่รักในครอบครัว การต้องละทิ้งถิ่นฐานเพื่อคำนึงถึงชีวิต ล้วนแต่เป็นผลของความระยำจากการก่อเหตุทั้งสิ้น

ผลพวงเพื่อให้พี่น้องต่างศาสนาเกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน หวังขยายเหตุการณ์ให้บานปลายออกไป

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าพื้นที่เกิดเหตุพบปะชาวบ้านพี่น้อง ชี้แจงให้ทราบว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของการก่อเหตุเด็ดขาด ความสมานกลมเกลียวของชาวบ้านเป็นเกราะป้องกันอย่างดี คนร้ายที่เข้ายิงพระสงฆ์อย่างอุกอาจที่ จ.นราธิวาส หวังจะจุดชนวนความขัดแย้งในหมู่ชาวบ้าน

Advertisement

จากนี้ไ ป การเปิดเจรจากับกลุ่มก่อเหตุ กลุ่มเห็นต่างยังต้องดำเนินต่อไปควบคู่กับการใช้กระบวนยุติธรรมเข้ามาจัดการ ขณะที่ทางการใช้กฎหมายควบคุมดูแลสังคมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

หวังว่า เหตุการณ์ชายแดนใต้จะบรรเทาลง กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image