| ผู้เขียน | วรรณมณี บัวเทศ |
|---|
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย เอเอฟซี เอเชี่ยนคัพ 2019 ใกล้ถึงบทสรุปในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโดยญี่ปุ่นเข้าไปรอพบกับผู้ชนะระหว่างเจ้าภาพ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับกาตาร์ ซึ่งจะฟาดแข้งกันในคืนนี้
สำหรับชาติอาเซียนของเราทยอยสิ้นสุดเส้นทางกันไปพร้อมๆ กับความสมหวังผิดหวังมากน้อยแตกต่างกัน
ฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ สเวน โกรัน อีริคส์สัน อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษผู้มากประสบการณ์มาคุมทัพแบบเฉพาะกิจตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตกรอบแรกโดยเก็บไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว
ส่วน ไทย เรา มีเหตุการณ์ดราม่าปลดโค้ชหลังเปิดสนามพ่ายอินเดียยับเยิน 1-4 แต่กุนซือขัดตาทัพ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ก็ยังพาช้างศึกฝ่าด่านถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ ก่อนพ่ายจีนหวุดหวิด 1-2 ทั้งที่ขึ้นนำได้ก่อน
สุดท้ายคือ เวียดนาม ที่เข้ารอบน็อกเอาต์ได้แบบหวุดหวิดในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุดโควต้าสุดท้าย ซึ่งได้มาจากการวัดผลแฟร์เพลย์ ก่อนจะทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และพ่ายให้ญี่ปุ่นฉิวเฉียด 0-1
ด้วยผลงานและฟอร์มการเล่นของเวียดนามในทัวร์นาเมนต์นี้ พ่วงด้วยตำแหน่งแชมป์ เอเอฟเอ ซูซุกิ คัพ ก่อนหน้านี้ ทำให้ทีม “ดาวทอง” ได้รับเสียงชื่นชมและยกให้เป็น “เบอร์ 1 อาเซียน” ณ ปัจจุบัน
จริงๆ แล้วเวียดนามพูดถึง “โกลเดน เจนเนอเรชั่น” ของวงการลูกหนังตัวเองมานาน ยิ่งปีที่แล้วได้รองแชมป์ยู-23 ของเอเชีย ต่อด้วยอันดับ 4 เอเชี่ยนเกมส์ 2018 ยิ่งฮึกเหิมเข้าไปใหญ่
แม้ความฮึกเหิมนี้จะลามสู่โลกโซเชียลจนเกิดการกระทบกระทั่งกับแฟนบอลชาติอื่นๆ ในอาเซียนอยู่บ่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เวียดนามรักษามาตรฐานของตัวเองได้สม่ำเสมอกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้จริง
เวียดนามชุดนี้คุมทีมโดย ปาร์ก ฮัง ซอ โค้ชชาวเกาหลีใต้ สมัยเป็นนักเตะ ปาร์กเป็นกองกลางให้กับสโมสร ลัคกี้ โกลด์สตาร์ เอฟซี แต่เคยติดทีมชาติแค่เพียงนัดเดียวเท่านั้น
ผลงานการเป็นโค้ชก็มีประสบการณ์คุมทีมในประเทศเป็นหลัก เพิ่งจะออกมาชิมลางนอกประเทศก็ตอนได้รับการทาบทามให้คุมทีมชุดใหญ่ควบชุดยู-23 ของเวียดนาม ในเดือนกันยายนปี 2017 ซึ่งผลงานในยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย, เอเชี่ยนเกมส์ และเอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ ก็เป็นฝีมือของกุนซือวัย 60 ปีรายนี้
ต่างจากฟิลิปปินส์ซึ่งเน้นโค้ชจากยุโรปมาคุมทีม โดยก่อนหน้าจะได้สเวนมารับงาน ก็มี เทอร์รี่ บุตเชอร์ อดีตแข้งดังของอังกฤษคุมทัพ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
สำหรับไทยเรากำลังอยู่ในช่วงเฟ้นหาโค้ชใหม่หลังจาก มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบียโดนปลดฟ้าผ่าโดยยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากแชมป์บอลสี่เส้า คิงส์คัพ
ตัวอย่างจากฟิลิปปินส์และเวียดนามยืนยันแล้วว่าการได้โค้ชโปรไฟล์เลิศมาจากยุโรปอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป สิ่งสำคัญคือความเข้าใจในตัวนักเตะ การรู้จักดึงศักยภาพของลูกทีมออกมาให้มากที่สุด เหมือนกับที่ปาร์ก ฮัง ซอ รู้จักใช้งาน เหงียน คอง เฟือง, เหงียน กวาง ไฮ หรือ ดวาน วาน เฮา มากกว่า
ถ้ารู้สึกว่าโค้ชไทยยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ ลองหันไปมองโค้ชจากอเมริกาใต้หรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกดูบ้างก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
จบศึกเอเชี่ยนคัพไปแล้ว สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พอมีเวลาได้พิจารณาไตร่ตรองเฟ้นหาคนที่เหมาะสมที่สุด เพื่อเตรียมลงเตะฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน
แต่ถ้ายังหาคำตอบที่ลงตัวไม่ได้ ช้างศึกยังตั้งหลักกลับมาไม่เต็มที่ และเวียดนามยังบินสูงอยู่อย่างนี้ แฟนบอลไทยก็คงต้องรับศึกทางโซเชียลต่อไปอีกยาวๆ
