| ผู้เขียน | โกนจา |
|---|
ผมเคยเขียนเตือนมาก่อนหน้านี้ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ระวัง”ขาลอย” หลังมีพ.ร.ฏ.เลือกตั้งฯออกมา เพราะบรรดาข้าราชการน้อยใหญ่จะเข้า”เกียร์ว่าง” รัฐบาลมอบหมายหรือสั่งงานอะไรออกไปจะไม่ได้ดั่งใจ ทำหูทวนลม
ในที่สุด”บิ๊กตู่”ก็ถูกลองของให้ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ กระทบผู้คนที่เสียงดังที่สุดในประเทศ นั่นก็คือ วิกฤตฝุ่นละอองในพื้นที่กทม.และปริมณฑล
เพราะอากาศกรุงเทพฯและปริมณฑล ปนเปื้อนฝุ่นพิษ PM 2.5 มานานหลายสัปดาห์ จนถึงวันนี้ผู้คนเริ่มรู้สึกว่ารุนแรงหมดความอดทนที่ผจญกับฝุ่นพิษนี้ เชื่อว่าน่าจะมีผู้ป่วยหรือได้รับผลกระทบด้านสุขภาพหลายหมื่นคน แต่ถึงวันนี้กลับไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ที่เป็นข่าวก่อนหน้าที่ก็ทำแบบงานอีเวนท์เพื่อให้นักข่าวมาทำหวังผลแค่ภาพลักษณ์เพื่อสร้างเป็นผลงาน แต่ไม่มีการติดตามถึงผลสัมฤทธิ์ของปัญหาที่แก้
แม้แต่กทม.ที่มีผู้คนได้รับผลกระทบมากกว่า 10 ล้านคน หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ผมแทบไม่เห็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ออกมาโชว์ตัวบัญชาการสู้รบกับฝุ่น แต่มาอ่านข่าวเจอพบว่าไปราชการต่างประเทศ เพิ่งกลับมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
พอมาถึงก็เล่นบทงานอีเวนท์ทันที ทำพิธีปล่อยขบวนหน่วยปฏิบัติการแก้วิกฤตมลพิษทางอากาศ ประสานไปยังชมรมโดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งมีโดรนอยู่จำนวน 50 ตัวมาร่วมปฏิบัติการขึ้นบินฉีดน้ำพ่นละอองในอากาศเพื่อช่วยดูดจับฝุ่นละออง จึงถูกตั้งคำถามว่า โดรน 50 ตัวกับพื้นที่กว้างใหญ่ของกรุงเทพฯมันจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนกัน
ขนาดเจ้าตัวยังออกยอมรับว่า “คงไม่สามารถช่วยได้ 100 % แต่สามารถช่วยได้ 20-30 % ซึ่งยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ถึงแม้จะมีคนบอกว่าเป็นวิธีการที่ไร้ประโยชน์ แต่ยังดีกว่าปล่อยให้มีควันพิษอยู่ในอากาศ ”
เช่นเดียวกับ หน่วยงานอื่นๆก็ออกมารับลูกต่อ เช่น กระทรวงศึกษา ประกาศหยุดการเรียนการสอนโรงเรียนในสังกัดพื้นที่กทม.และปริมณฑล บางมหาวิทยาลัยสั่งหยุดเรียนเช่นกัน
ผมดูความเคลื่อนไหวของหน่วยงานต่างๆที่ออกมาเต้นก็เพราะไปจับอารมณ์ของ “บิ๊กตู่”ที่ออกมาเฉ่งผ่านสื่อตอนหนึ่งว่า ได้สั่งการแล้ว ว่าให้มีการแจ้งเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ซึ่งในกรุงเทพมหานคร พื้นที่ใดไม่ได้รับการแก้ไขเลย และไม่มีคำชี้แจงว่าได้ดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง ตนจะสั่งลงโทษผู้อำนวยการเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ เป็นต้น
ส่วนในต่างจังหวัด ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร ต้องทำให้ค่าฝุ่นละอองลดลงให้ได้ ส่วนภาคอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมอาจต้องปิดโรงงานในช่วงเช้า บ่าย หรือเย็น หรือช่วงที่ค่าฝุ่นละอองสูง ขอให้เตรียมตัวไว้และจะมาบอกว่านายกฯไม่เอาใจใส่อีกไม่ได้ คอยดูก็แล้วกัน
“โดยใช้อำนาจคสช.ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.แต่ละจังหวัดเข้าไปตรวจสอบทุกโรงงาน ซึ่งวันนี้ได้ออกคำสั่งแล้ว เพื่อให้ดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากโรงงานใดไม่ได้รับการดูแล จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบ ไปชี้เป้ามา เรามีหน่วยตรวจสอบอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวผมจะออกคำสั่งคสช.แต่ไม่ใช้มาตรา 44 เพราะมาตรา 44 นั้นมีอำนาจอยู่แล้ว”
วันนี้จะออกคำสั่งไปก่อน กอ.รมน. และ ทหารทุกคน ต้องเข้าไปตรวจทุกโรงงาน น้ำเสีย ขยะ ใครทำสารพิษ ไปจี้ไปดู แล้วรายงานให้ผม ผมจะลงโทษหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯและทุกจังหวัด 76 จังหวัด
วันนี้”บิ๊กตู่”ต้องหันมาใช้บริการของทหารอีกครั้ง พร้อมส่งคำขู่ถึงข้าราชการถึงอำนาจตามม.44 ที่ยังมีอิทธิฤทธิ์ติดตัวหัวหน้า คสช.
เป็นอำนาจในภาวะที่ตำแหน่งนายกฯขาลอย ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ถือเป็นคำขู่ที่กำลังรอจังหวะใช้ม.44 เชือดไก่ให้ลิงดูบ้างเสียแล้ว….
