| ผู้เขียน | นายอุตสาหะ |
|---|
สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เชียงใหม่ รวมทั้งหลายจังหวัดในหลายภาค กำลังขยายวงสร้างผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการกระทำที่เกิดขึ้นน้ำมือของมนุษย์ เคลียร์พื้นที่การเกษตรของตัวเองด้วยการ”เผาไร่” หรือการเก็บของในป่าก็ต้องใช้วิธีการ”เผาป่า” ยังไม่นับที่สาเหตุอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะ”เผา”แบบไหน ก็สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างไม่รู้จบ
ที่ผ่านมาหลายจังหวัดมีมาตรการดูแลและป้องกันแต่เนิ่นๆ แต่ไม่สามารถจะควบคุมปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด ทั้งเตือน ทั้งงัดกฎหมายขึ้นมา
ที่กำลังเป็นปัญหาหนักข้อ ไม่รู้จะเอาผิดกับ”มือเผา”ที่ไหน ที่แทบไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเลวร้ายที่เกิดขึ้นใดๆ ส่วนที่จับได้ก็จับกันไป
ใครจะไปคิดว่ายังเกิดปัญหาโต้กันไม่จบระหว่างเกมเตะทีมบอลเชียงรายยูไนเต็ดกับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ที่ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องการให้สลับสนามเตะจากเชียงรายไปอยู่ที่บุรีรัมย์แทน เพราะหวั่นค่าฝุ่นพิษยังสูงอยู่จะทำให้เกิดอันตรายกันคนจำนวนมาก แต่ทางทีมเชียงรายไม่ยอมเลื่อนให้ เพราะลงทุนและกำหนดการเตรียมการไปเยอะแล้ว และยังมีอีกหลายเหตุผลที่ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของสโมสร
มีข้อมูลที่น่าตระหนักอย่างยิ่ง นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 แจ้งว่า บริเวณไฟป่าลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ตรงพิกัดดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชันและมีหน้าผา ทำให้ยากต่อการดับไฟอย่างยิ่ง ต้องใช้หน่วยลาดตระเวนเดินเท้าเข้าดับไฟแทน
“จากการสำรวจและประเมินความเสียหาย พบว่าป่าดอยหลวงเชียงดาว เสียหายหลายพันไร่ และมีสัตว์ป่า อาทิ เก้ง ไก่ป่า กระรอก และงู ตายบางส่วน เนื่องจากหลบหนีจากไฟป่าไม่ได้”
ผอ.สมหวัง วิงวอนกันอีกครั้งว่า อยากให้ชาวบ้านหรือชุมชนใกล้เคียงหยุดเผาป่าได้แล้ว ยังบอกด้วยว่า พบบางรายจุดธูปผสมน้ำมันปักบนพื้นดินกลางป่า คล้ายระเบิดเวลา ก่อนเกิดเปลวไฟลุกไหม้รุนแรง โดยใช้เวลา 15-30 นาที ก่อนผู้ลักลอบเผาป่าหลบหนีไป ทำให้จับคนเผาไม่ได้หรือตามตัวผู้กระทำความผิดยาก แต่การกระทำลักษณะดังกล่าวมีบ่อย
ถ้าวางแผนกันได้ขนาดนี้ ก็แทบไม่ต้องถามหาสำนึกความรับผิดชอบใดๆ เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อย่างมาก นอกจากจะแจ้งเตือน ขอความร่วมมือ ยังต้องเสี่ยงชีวิตในการเข้าดับไฟป่าอีก
วงจรอุบาทว์ของมือเผาป่ากับวงจรการดูแลป่าของเจ้าหน้าที่แทบจะไม่มีทางบรรจบกันได้เลยจริงๆ
