เรียงคนมาเป็นข่าว : ประจำวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565

หารือ - สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย เข้าพบ ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารและผู้สื่อข่าวในเครือมติชน ที่อาคารมติชน เมื่อเร็วๆ นี้

มอบของที่ระลึก – คณะผู้บริหารบริษัท งานดี จำกัด นำโดย นฤตย์ เสกธีระ กก.ผจก. สรพันธุ์ บุนปาน ที่ปรึกษา มอบของที่ระลึกแก่ นิสิต เจริญธนากุล เอเยนต์จำนงค์ จ.เชียงใหม่ เนื่องในโอกาสเข้าพบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์และนิตยสาร เมื่อเร็วๆ นี้

สาขาใหม่ – เคนเน็ท ตึ้ง เคนมิง ร่วมแสดงความยินดีกับ เมธาวี วินิจฉัย เนื่องในโอกาสเปิดร้าน ยูนิโคล่ สาขาใหม่ล่าสุด แห่งที่ 36 ที่เซ็นทรัล อุบลราชธานี เป็นสาขาแรกของภาคอีสานตอนล่าง โดยมี
มณีจันทร์ สมิทธิสมบูรณ์, สุริยา ปิ่นรัตน์, ยอดสร้อย ปัญณะสมบูรณ์, ดมิสา กาญจนทวี และวสันต์
ทองสวัสดิ์ ร่วมงาน บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุบลราชธานี เมื่อเร็วๆ นี้

Advertisement

สนับสนุนกินเจ – แจ็คกี้ เธีย ผจก.ทั่วไป ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต พร้อมด้วยพนักงานศูนย์การค้าจังซีลอน ร่วมมอบน้ำดื่มและเงินบริจาคแก่ศาลเจ้ากะทู้ (มูลนิธิหล่ายถู่ต่าวโบ๊เก๊ง) สนับสนุนประเพณีถือศีลกินผักประจำปี 2565 โดยมี โชคชัย ชีวเจริญกุล รองประธานศาลเจ้ากะทู้ เป็นผู้รับมอบ ณ ศาลเจ้ากะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อเร็วๆ นี้

Advertisement

ลดค่าครองชีพ – ศิริพร เดชสิงห์ รอง ปธ.จนท.บห.สายงานการสื่อสารองค์กร บมจ.สยามแม็คโคร, เอกธิดา เสรีรัตน์วิภาชัย, เจษฎางค์ สิงห์คุ้ม, ดวงรัตน์ ภูทัตโต ต้อนรับ วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะ ในโอกาสลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าและบรรยากาศการจับจ่ายช่วงเทศกาลเจในปีนี้ ณ แม็คโคร สาขาแจ้งวัฒนะ เมื่อเร็วๆ นี้

สมทบทุน – บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท โดย ภัทรา ศิลาอ่อน ปธ.กก. ประเวศวุฒิ ไรวา, เกษสุดา ไรวา, กำธร ศิลาอ่อน และมณีสุดา ศิลาอ่อน มอบเงินจำนวน 10,000,000 บาท แก่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อสมทบทุนสร้างศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ โดยมี ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา, รศ.นพ.
วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ และ รศ.พญ.ปิยะภัทร เดชพระธรรม ร่วมรับมอบ ณ ตึกอำนวยการ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเร็วๆ นี้

เปิดโครงการ – วิทการ จันทวิมล รอง กก.ผอ. สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ พร้อมด้วย กมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม และโทโมฮิโกะ เอกุจิ ผอ. บจก.พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จัดงานเปิดตัวโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ณ โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท เมื่อเร็วๆ นี้

 

 

⦁…แผ่นฟ้าดำครึ้มด้วย “พายุ” ล่าสุด “โนรู” ขึ้นฝั่งถล่มหนัก พังทลายบ้านเรือน “เวียดนาม” ราบเป็นหน้ากลอง “ไทย” เราแม้จะแค่หางๆ แต่ฝนใส่แผ่นดิน “น้ำ” ไหลแรงจากภูเขาสู่พื้นราบ บ่าท่วมทุกพื้นที่ “อีสาน” หนักสุด ด้วยไม่มีทะเลให้น้ำไหลลง “ทุ่งนองน้ำ ถนนขาด พนังกั้นน้ำพัง” ชีวิตผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว เรือกสวน ไร่นา บ้านเรือนจมบาดาล “ความช่วยเหลือ ช้ากว่าความเดือดร้อน” หลายเท่า

⦁…เพราะ “ชาวบ้านอยู่กับธรรมชาติ ประชาชนอยู่กับความเป็นจริง” วิกฤตจาก “ภัยธรรมชาติ” เป็น “อำนาจของธรรมชาติ” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “อำนาจของใคร” อุปสรรคการแก้ปัญหาหนักสุดคือ “การรวมศูนย์อำนาจ” สั่งการเบ็ดเสร็จ ด้วย “จินตนาการของผู้มีอำนาจ” ไม่สัมพันธ์กับธรรมชาติและความเป็นจริง “โครงสร้างอำนาจ” ที่เป็นอยู่ ไม่เพียง “ไม่แก้ปัญหา” แต่กลับ “สร้างปัญหา” ให้โกลาหลในการทำงานที่ควรจะต้องประสานสอดคล้อง

⦁…วันนี้ 30 ก.ย.รู้กัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้อีกหรือไม่ การ “ตีความกฎหมาย” ของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ไม่เพียงส่งผลต่อ “นายกฯตู่” แต่ยังชี้ทิศชี้ทางประเทศว่า “อำนาจ” จะนำพาการเมืองไปทางไหน “เปลี่ยนแปลง” หรือ “จมปลัก”

⦁…มีความเคลื่อนไหวมากมายที่ถูกหยิบยกมาเป็นเหตุสังเกตการณ์ อย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คืนสู่พื้นที่ข่าวถี่ยิบ ด้วยเนื้อหาที่พยายามอธิบายตัวเองในเรื่องราวอดีต และสร้างความเชื่อว่า “ยึดมั่นในประชาธิปไตย” ถึงขนาดประกาศจะ “ทิ้งประชาธิปัตย์” ไว้ข้างหลัง หาก “พูดกันไม่รู้เรื่อง” ทำให้เกิดการตั้งประเด็นว่า เป็นเพราะ “มีชื่ออยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี” ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาใช่หรือไม่

⦁…แม้จะเชื่อกันเป็นส่วนใหญ่ว่า “ตู่ได้ไปต่อแน่นอน” แต่อดที่จะคิดเผื่อกันไม่ได้ เมื่อไล่เรียงชื่อใน ‘บัญชีนายกรัฐมนตรี” ที่พรรคต่างๆ เสนอไว้ ตัด ชัชชาติ สิทธิพันธุ์-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์-ชัยเกษม นิติสิริ ที่เสนอโดย “พรรคเพื่อไทย” ที่เป็นฝ่ายค้านออกไป เอาเฉพาะ “พรรคร่วมรัฐบาล” จะเหลือแค่ “อภิสิทธิ์” จาก “ประชาธิปัตย์” กับ อนุทิน ชาญวีรกูล จาก “ภูมิใจไทย” เชื่อกันว่า “ผู้กุมอำนาจ” ไว้ใจ “ประชาธิปัตย์” มากกว่า

⦁…วันเสาร์ 1 ต.ค. พรุ่งนี้แล้วที่ “โควิด” ถูกสั่งการให้เลิกเป็น “โรคติดต่อร้ายแรง” เหลือแค่สถานะ “โรคติดต่อเฝ้าระวัง” ความหมายไม่ใช่เพียง ยุติ “มาตรการป้องกันอย่างเป็นทางการ” ปล่อยให้ผู้คน “ดำเนินชีวิตปกติ” เท่านั้น แต่ยังหมายถึง “ความช่วยเหลือในการป้องกันและการรักษาพยาบาล” ซึ่งทำอย่างเข้มข้นที่ผ่านมาต้องยุติลงด้วย หลังจากนี้อยากฉีด “วัคซีน” ต้องไปหาซื้อเอง ป่วยไข้ขึ้นมาไป
“รักษากันเอง” เหมือนเจ็บป่วยโรคอื่นๆ ลดภาระ “รายจ่ายรัฐบาล”

⦁…ที่หาทาง “ลดรายจ่าย” ล้วนเป็นเรื่องที่ “ต้องจ่ายให้ประชาชน” ป้องกันถูกรู้ทันด้วย “มาตรการเยียวยาผู้มีรายได้น้อย” ขณะเดียวกัน “เพิ่มรายได้จากการเพิ่มภาระให้ประชาชน” อย่างเช่นเหมือนเป็นเรื่องของ “ภาคเอกชน” ที่ “ข้าวของแพงขึ้น” แต่ที่ตามมาคือ “รัฐเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นจากราคาที่สูงขึ้น” โดยเฉพาะ “สินค้าอุปโภคบริโภค” ที่ประชาชนจำเป็นต้องซื้อ “ภาระตกอยู่บนบ่าประชาชน” โดยไม่รู้ตัว

⦁…ค่าเงินบาทที่อ่อนยวบลงทุกที จนวิตกกันว่าจะหล่นเหลือ “40 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” แปลความกันว่า “เศรษฐกิจไทยจะวิกฤต” จึงกระตุ้นให้รัฐบาลไทย จะทำอะไรก็รีบทำ หมายถึงต้องทำแบบ “เป็นมวย” ด้วยคนที่มีความรู้เรื่องตลาดทุน ตลาดเงินของโลกจริงๆ ไม่ใช่ “ตาลีตาเหลือก” ออกมาตรการสะเปะสะปะ เพราะแทนที่จะต้านวิกฤตกลับจะยิ่งยุ่งเหยิงเป็นลิงแก้แห พาประเทศชาติสู่หายนะได้ง่ายๆ

ชโลทร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image