บรรยง จวก ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’ ขยายรัฐมโหฬาร ทำประเทศอ่อนแอ ชี้ ไทยมองข้ามปัญหาแรงงาน

แฟ้มภาพ

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 30 มกราคม ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และอดีตกรรมการกำกับนโยบายและรัฐวิสาหกิจ (คนร.) กล่าวว่า ก่อนและหลังเลือกตั้งเราก็จะเห็นเศรษฐกิจคึกคัก เพราะผู้มีอำนาจจะต้องปิดโปรเจ็กต์ก่อนจะหมดอำนาจในการบริหาร แต่ความคึกคักนี้มีต้นทุน ซึ่งภาพรวมของเศรษฐกิจไทยภายหลังการเลือกตั้ง ผมขอฟันธงว่าจะเป็นแบบเดิมคือ ศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยแทบจะเติบโตต่ำที่สุดในโลกสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะเศรษฐกิจไทยมีลักษณะอ่อนแอ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.แข็งนอกอ่อนใน หมายถึง เศรษฐกิจภายนอกประเทศดี แต่ภายในยังอ่อนแอ 2.แข็งบนอ่อนล่าง หมายถึงคนชั้นบนก็จะยังมีกำลังสูง แต่คนล่างก็ยังไม่ได้ประโยชน์กับเศรษฐกิจ และ 3.แข็งไม่ถาวร หมายถึงเศรษฐกิจไทยต่อไปนี้โดยรวมคือสภาพเศรษฐกิจยังไม่มีความเสถียรภาพ ไม่มีความแน่นอน

“ประเทศเรามีปัญหาแรงงานคือคนหมด วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปแสดงวิสัยทัศน์มากนัก มีแต่คนห่วย จะเห็นได้ว่าเราล้มเหลวเรื่องการศึกษามาตลอดเวลา ทั้งที่เราควรทุ่มเทให้กับสิ่งเหล่านี้ แต่เรากลับทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปกับสิ่งที่ประสิทธิภาพต่ำ คือ การขยายอำนาจรัฐ ทั้งหมดไม่มีใครตระหนัก และพยายามปฏิรูปด้านนี้เลย ทำแต่ขยายรัฐ ทั้งที่เรื่องนี้ยิ่งทำประเทศก็ยิ่งอ่อนแอลง ที่น่ากลัวที่สุดจะรู้ว่า แผนยุทธศาสตร์และปฏิรูปประเทศที่เราจะต้องถูกบังคับใช้ ยิ่งเป็นรูปแบบการขยายรัฐแบบมโหฬาร เพราะมีข้าราชการ อดีตข้าราชการ คนในรัฐบาลปัจจุบัน และมีนักธุกิจเพียงบางกลุ่มที่ต้องพึ่งพารัฐ เข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรที่เป็นเรื่องแบบนี้จะออกมาเป็นกฎหมายทั้งที่ความจริงเราควรมีแผนที่ยืดหยุ่นได้ แต่ไม่ใช่เป็นกฎหมาย เพราะการออกกฎหมายคือ คุณกำลังจำกัดเสรีภาพของรัฐบาล เมื่อคุณจำกัดเสรีภาพของรัฐบาลก็เท่ากับคุณก็จำกัดเสรีภาพของประชาชนไปด้วย” นายบรรยงกล่าว

นายบรรยงกล่าวต่อว่า ผมอาจมองได้ว่าการออกแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศเกิดจากวิสัยทัศน์ชั่ววูบที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบ แล้วเนติบริกรก็เข้าไปทำให้ และวันนี้แผนยุทธศาสตร์ชาติยังไม่เสร็จ ตัวกฎหมายก็ถูกรัฐธรรมนูญให้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ นอกจากนี้ พอเราไปออกกฎหมายลูก ก็มีการระบุเวลาว่าประเทศไทยต้องมีแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีคณะกรรมการใหญ่ที่สุด 38 คน กรรมการนี้มีอำนาจมากเหลือเกิน มีอำนาจควบคุมให้รัฐบาลต่อไปทำตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และถ้าไม่ทำตามก็ส่งเรืองให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช.ไม่น่าจะไปเกี่ยวอะไรกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือคิดอะไรไม่ออกก็ส่งเรื่องให้คนของที่ตัวเองที่สั่งได้ให้ทำหน้าที่ แล้วจะให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ได้อย่างไร ในเมื่อนาฬิกายังหาไม่เจอ

Advertisement

คลิกชมไลฟ์สด

– “อิสริยะ” ฝาก กกต. ดูปมห้ามหาเสียงผ่านโซเชียลฯให้ดี กังวลจะเกิดเป็น “สงครามตัวแทน”
– ‘โคทม’ แนะ พรรคอันดับ 1 เชิญ พปชร.ร่วมรัฐบาล ชี้ เป็นการแชร์อำนาจที่แท้จริง เตือน กกต.ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
– “ปริญญา”เสนอ “ประยุทธ์” ถอยกลับสู่สถานะคนกลาง หวั่นการเมืองอยู่ในภาวะล้มเหลว

 

Advertisement

เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image