‘ตู่’แซะปมปฏิวัติซ้อน ชี้คำพูด’บิ๊กตู่’น่าคิด จวก’มีชัย’ทำวุ่น โยกศาลรธน.ไว้ตุลาการ

จตุพร พรหมพันธ์-แฟ้มภาพ

ประธาน นปช. แจง ร่าง รธน. “มีชัย” ฉบับเลวร้ายที่สุด ถ้าปล่อยผ่านบ้านเมืองเสียหายยับเยิน ส่งรหัส “ไม่คว่ำ แล้วจะเสียใจ” เตือนนักอยากเลือกตั้งอย่าเร่งรีบไปติดกับดัก แล้วรอวันตาย ต้องใจแข็งไม่เอา ไม่ผ่าน

วันที่ 28 มกราคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ว่า ในวันนี้ (29 มกราคม) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะแถลงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นฉบับที่เลวร้าย หากปล่อยให้ผ่านในขั้นลงประชามติแล้ว จะทำให้บ้านเมืองเสียหายยับเยิน

“เรากลัวว่า เขาจะอยู่นาน เราจึงยอมทุกอย่าง แต่ท้ายที่สุด เราเสียหาย ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไม่ได้ การพัฒนาทุกอย่างล้าหลัง ดังนั้น ในวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ ควรสร้างความภาคภูมิใจให้คนรุ่นหลัง อย่างน้อยที่สุด เขาจะได้อธิบายว่า คนรุ่นเราไม่อยากได้ใคร่ดีกับอำนาจไม่ได้มาจากประชาชน เพราะไม่ต้องการให้ประเทศเป็นเหมือนอดีตและปัจจุบัน ทั้งที่รู้ว่า การแสดงเจตนารมณ์แบบนี้ ผู้มีอำนาจไม่ชอบ แต่ผมต้องการอธิบายให้สบายใจได้ว่า อย่าไปกลัว” นายจตุพร กล่าว

และว่า “ถ้าต้องการเลือกตั้ง หวังได้เป็น ส.ส. แล้วทำให้บ้านเมืองกลับมาที่จุดเดิม จึงเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด แต่การไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย จะทำไปอย่างวิญญูชนด้วยการลงประชามติ ถ้าให้ผ่านแล้ว ประเทศบอบช้ำแน่ เพราะแก้ไขปัญหาประเทศไม่ได้ และยังแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้อีกด้วย รวมทั้งถ้าไม่ผ่านก็ไม่รู้อนาคต ”

Advertisement

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.แถลงออกมาเป็นระยะได้สะท้อนถึงการเลือกตั้งของประชาชนไม่มีความหมาย พรรคการเมืองหาเสียงด้วยความยากลำบาก เพราะทำอะไรไม่ได้ จะทำให้ประชาชนรัก ถูกใจก็ไม่ได้ ก็จะถูกหาว่า เป็นประชานิยม ซึ่งทำได้อย่างเดียวคือ ทำให้ประชาชนไม่รักเท่านั้น

รวมทั้งการกำหนดให้วุฒิสมาชิก (ส.ว.) ไม่ต้องรับผิดชอบกับประชาชนนั้น มาจากการลากตั้งเต็ม 100% โดยไม่มีอำนาจถอดถอน ทำให้นักเลือกตั้งหลงเชื่อ ซึ่งเป็นกับดักให้นักเลือกตั้งหลงเชื่อ แต่อำนาจถอดถอนได้โยกไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นฝ่ายเสนอ และสามารถถอดถอนได้ง่ายกว่าอีก

นายจตุพรกล่าวว่า ถ้า กรธ. ยังยืนเนื้อหาโยกศาลรัฐธรรมนูญไปไว้ฝ่ายตุลาการ จะทำให้ฝ่ายตุลาการเกิดปัญหาวุ่นวายตามมา โดยประมุขฝ่ายตุลาการแต่เดิมเป็นประธานศาลฎีกา แล้วจะวางระบบการจัดลำดับในสายตุลาการระหว่างประธานศาลรัฐธรรมนูญกับประธานศาลฎีกาจะยืนกันอย่างไร รวมทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องผูกพันทุกองค์กร ทั้งศาลยุติธรรม นิติบัญญัติ และบริหาร ซึ่งแสดงถึงมีอำนาจอยู่เหนือทุกองค์กร แต่คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ผูกพันศาลรัฐธรรมนูญ

Advertisement

อย่างไรก็ตาม สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยนั้น อยู่ที่อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน จึงไม่ได้คืนอำนาจให้ประชาชนตามการกล่าวอ้าง ดังนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมา หลายฝ่ายได้รับรู้กันเป็นอย่างดีแล้วว่า ปัญหาประเทศที่ประสบวิกฤต ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมืองในขณะนี้ เกิดจากระบอบการปกครอง และเข้าใจแล้วว่า ระบอบการปกครองใดจะแก้ไขปัญหาของชาติได้ เพราะทุกประเทศล้วนประสบภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งสิ้น แต่ไม่หนักเท่าประเทศไทย ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจล้าหลังกว่าพม่า และเขมร เสียอีก

นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงถามถึงการปฏิวัติซ้อนท่ามกลางผู้นำเหล่าทัพ แม่ทัพ นายกองนั่งอยู่ในห้องประชุม โดยให้คนคิดจะทำยกมือขึ้น ซึ่งไม่มีทหารคนใดยกมือแน่ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญา แต่สิ่งน่าแปลกใจคือ อะไรทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องพูดแบบตัดไม้ข่มนามเช่นนี้

แต่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่มีปัญหามากมายนั้น ตนไม่เคยได้ยินถึงการปฏิวัติซ้อน หรือนายกรัฐมนตรีอาจพูดพลั้งปากไป แต่ในทางการเมืองแล้ว ต้องติดตาม เพราะคนพูดเป็นถึงนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้า คสช. แล้วพูดขึ้นท่ามกลางผู้นำทหารทุกเหล่าทัพ จึงต้องคิดให้มาก

นายจตุพรกล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีพูดถึงการไม่กลัวถูกปฏิวัติซ้อน จึงแปลความได้ว่า มีการเตรียมปฏิวัติซ้อนอยู่ เมื่อในทางการเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร ทางการทหารก็เป็นเช่นกัน เพราะประวัติศาสตร์การทหารตั้งแต่สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และยุคสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงจอมพลถนอม กิตติขจร บ่งบอกได้ชัดเจนถึงการมีค่าย แบ่งฝ่าย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องต้องติดตามว่า อะไรเป็นสาเหตุให้นายกรัฐมนตรีพูดขึ้นมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image