เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 30 นาที จากนั้น นายกลิน ที เดวีส์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้หารือกันในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องงานของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงเรื่องโรดแมปของรัฐบาลและเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการศึกษาและความร่วมมือและเรื่องที่สหรัฐจะสามารถช่วยประเทศไทยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความห่วงใยในเรื่องโรดแมปของไทยเป็นพิเศษ เอกอัครราชทูตสหรัฐ กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ต้องรอ คงต้องขออ่านดูก่อนและหวังว่าขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินโรดแมป ขั้นตอนการนำพาประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย มิตรประเทศของประเทศไทยทุกประเทศก็หวังอย่างยิ่งว่าเป็นไปตามที่รัฐบาลจะเดินไปตามที่วางนั้น
ด้าน ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ถือเป็นอัธยาศัยไมตรีอย่างมาก ที่ออท.สหรัฐได้นำความปรารถนาดีมา และเห็นความร่มเย็นความสงบสุขเกิดขึ้นในประเทศไทย และได้กล่าวขอบคุณที่ได้มาพบปะและสนทนากันในหลายๆเรื่อง และฝากความปรารถนาดีมายังรัฐบาล ภาคราชการ ประชาชนคนไทย “พูดกันว่าทุกฝ่ายคิดคล้ายกับที่พวกเราวิตกกังวลกัน คือเกรงว่าหลังเลือกตั้งจะกลับคืนสู่ความขัดแย้งกันอีกหรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น ออท.สหรัฐได้เสนอแนวคิดที่ดีมากคือเรื่องการศึกษาที่จะเป็นส่วนช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่มีความชัดเจน ความหมายของความรับผิดชอบ ความหมายของประชาธิปไตย และอะไรทั้งหลายทั้งปวง เช่น เรื่องความสัมพันธ์ของไทย-สหรัฐ ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ได้คุยเรื่องความรักความผูกพันตั้งแต่ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นยาวมาถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สหรัฐอาจมีความเข้าใจในประเทศไทยไม่เหมือนกับที่เป็นเราทุกวันนี้ และพูดถึงเรื่องที่ออท.เดินทางไปเยี่ยมเยียนในจังหวัดต่างๆ มาก็เพื่อศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องประเทศไทย”
เมื่อถามว่า มีการถามถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนหรือไม่กรณีที่สหรัฐค้านการดำเนินการกรณีการเคลื่อนไหวของนักศึกษา ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่มีการสนทนากันในเรื่องนี้ แต่พูดถึงเรื่องความรักความผูกพันระหว่างสองประเทศที่มีมาตั้งแต่ในประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่กรธ.ระบุว่าอาจต้องเลื่อนการเลือกตั้งไปปลายปี 2560 ทางสหรัฐมีการถามถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่ได้พูดกันถึงรายละเอียดในจุดนี้ คิดว่าการที่มีการพูดถึงเรื่องการเลื่อนเวลาดังกล่าวนั้น คงเป็นการคาดเดากันไปหรือไม่ ยังไม่ใช่เป็นความชัดเจน ต่อข้อถามว่า การร่างกฎหมายประกอบฯนั้นอาจต้องใช้เวลาถึง 8 เดือน ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายควรมีข้อคำนึงกัน อะไรก็ตามที่จะเป็นเรื่องของขั้นตอนนำไปสู่การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในเดือนกรกฎาคมหรือ เรื่องการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นกลางปีหน้า และท้ายที่สุดคือความปรารถนาของทุกคนทุกฝ่ายที่หวังให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ประเทศเป็นประชาธิปไตย มีความร่มเย็น ประชาชนยอมรับได้ มีความรักสมัครสมานเหมือนแต่ก่อน
