ก้าวไกล อัดสิระ จ่อฟ้องม.112 ฝ่ายค้าน ตอกย้ำ เป็นเครื่องมือทำลายล้าง มากกว่าปกป้อง

ส.ส.ก้าวไกล “จิรวัฒน์” อัด “สิระ” จ่อฟ้อง ม.112 เป็นการตอกย้ำใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าปกป้องสถาบัน ควรปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมดำเนินการฟ้องร้องตามมาตรา 112 แก่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า นอกจากสาเหตุของการใช้กฎหมายมาตรา 112 ในกรณีอื่นแล้ว ในกรณีที่นายสิระ จะใช้มาตรา 112 ฟ้องร้องต่อผู้นำพรรคฝ่ายค้านและส.ส. ที่ร่วมลงชื่อในญัตตินี้ เป็นกรณีตัวอย่างว่า มาตรา 112 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและในเหตุการณ์ปัจจุบัน การใช้มาตรา 112 มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองมากกว่าที่จะนำมาปกป้องคุ้มครองสถาบัน แน่นอนที่สุดว่า มาตรา 112 เป็นมาตราที่คุ้มครองสถาบัน และอยู่ในหมวดความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ในทางหนึ่งก็เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ทางการเมือง และทำลายล้างผู้อื่นด้วยการนำกฎหมายมาตรานี้มาใช้เช่นกัน เข้าใจว่า เรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธาของประชาชน และมีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์รองรับมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี แต่ในทางหนึ่งปัจจุบันพัฒนาการทางสังคมก็ไปเร็วมากเช่นกัน ทั้งเรื่องความสำคัญในเสรีภาพ และหลักสิทธิมนุษยชน

นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า มาตรา 112 นั้นควรที่จะแก้ไข โดยอาจคงมาตรา 112 ไว้ แต่ให้ลดโทษจากที่มีอัตราโทษสูงตั้งแต่ 3-15 ปี นั้นให้ลดลงไม่เกิน 3 ปีเหมือนสมัยรัชกาลที่ 5 หรือให้สอดคล้องกับความทันสมัยของโลก และบ้านเมืองปัจจุบันก็ควรปรับลดลงมาอีกอาจเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือน้อยกว่า 1 ปี เป็นต้น และควรจำกัดผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษที่เป็นผู้เสียหายจริงๆ เช่น ให้กรมราชเลขานุการในพระองค์เป็นผู้กล่าวโทษ หรือนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กล่าวโทษได้เท่านั้น ทั้งนี้ มาตรา 112 อาจถูกแก้ให้เป็นหลักสากล และตามหลักสิทธิมนุษยชนมากขึ้น หากพรรคร่วมฝ่ายค้าน และรัฐบาลเห็นตรงกันว่า ควรปรับแก้ และประชาชนเปิดรับว่า มาตรา 112 เป็นปัญหาที่ถูกใช้ทำลายกันในทางการเมือง มากกว่าการปกป้องสถาบัน แต่คงต้องมาคุยกันว่าพรรคการเมืองร่วมฝ่ายค้านและรัฐบาลรับได้ในเนื้อหาการแก้ไข มากน้อย รวมถึงคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน และผู้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 ด้วย

“การแก้มาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องการหย่อนต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาการของสังคมปัจจุบันในเรื่องหลักเสรีภาพ และหลักสิทธิมนุษยชน และปกป้องประชาชน จากการใช้มาตรา 112 ที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงขอยกคำพูดของอาจารย์ ส.ศิวรักษ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมาว่า ในหลวงมีพระราชกระแส ใครนำมาตรา 112 มาใช้นั้น เป็นการทำร้ายพระองค์ท่าน และทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมโทรม นี่เป็นพระราชดำรัสรัชกาลที่ 9 ประยุทธ์อ้างจงรักภักดี ทำไมไม่ทำตามกระแสพระราชดำรัส นอกจากนี้แล้วในหลวงองค์ปัจจุบัน ทรงเสวยราชย์ ก็มีลายพระหัตถ์ถึงอัยการสูงสุด ถึงประธานศาลฎีกาให้ยุติการใช้มาตรา 112 ตอนนี้ประยุทธ์เอามาตรา 112 ออกมาใช้ เป็นการขัดพระราชโองการ เป็นการทำลายล้างสถาบันกษัตริย์ เป็นการรังแกพระเจ้าแผ่นดิน” นายจิรวัฒน์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image