ฝ่ายค้านโวย ‘ไพบูลย์’ ทำตัวเป็นปรปักษ์ ต่อต้านระบอบรัฐสภา ยื่นศาลล้มญัตติซักฟอก

“ฝ่ายค้าน” ชี้ญัตติ “ไพบูลย์” ปมส่งญัตติซักฟอกไปศาลรธน. เป็นปรปักษ์กับระบบสภา อัดอย่ากลัวการตรวจสอบจนใช้วิธีนอกระบบให้อำนาจตุลาการลดทอนอำนาจนิติบัญญัติ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมประชุมสรุปแนวทาง และลำดับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมส่งญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ญัตติของฝ่ายค้านได้ผ่านการวินิจฉัยของประธานสภาเป็นที่เรียบร้อย โดยประธานสภาได้บรรจุ และส่งเรื่องไปยัง ครม.ให้รับทราบ กรณีที่นายไพบูลย์จะนำเรื่องนี้กลับมาทบทวนใหม่ ตนไม่เข้าใจว่ามีความคิดอย่างไร แต่เชื่อว่าเป็นการสมคบคิดกันเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนแล้ว หรืออาจเพราะต้องการหนีการตรวจสอบตามกลไกของสภา และที่เห็นได้ชัดที่สุด ขณะนี้คือเกิดการแตกแยกพรรคร่วมรัฐบาลเอง เพราะหลายฝ่ายก็ไม่ได้คิดเห็นเช่นนี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นไปตามข้อบังคับ เมื่อประธานสภาได้รับญัตติแล้วให้ประธานสภาตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งหากญัตติมีข้อผิดพลาดให้แจ้งภายใน 7 วัน จากนั้นให้บรรจุเรื่องนี้เข้าระเบียบวาระ ดังนั้น ขณะนี้ประธานได้บรรจุญัตตินี้แล้วย่อมแสดงว่าญัตติมีความถูกต้อง ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ทั้งสิ้น ต่อมาคือกรณีที่นายไพบูลย์ได้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 210(2) มาอ้างนั้น ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะมาตรานี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของสภา ในกรณีนี้สภาไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใดที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เพราะฉะนั้น จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยเรื่องนี้

นายประเสริฐกล่าวว่า ญัตติการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ถือว่าชอบแล้ว ได้บรรจุในระเบียบวาระแล้ว และจะมีการอภิปรายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งประธานสภาได้เรียกวิปทุกฝ่ายเข้ามาหารือกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องจำนวนวัน เวลาที่ฝ่ายค้านจะได้รับ นอกจากนี้ เมื่อดูญัตติของนายไพบูลย์แล้วจะเห็นว่า มีหลายข้อความที่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหลายประการ อาทิ ได้นำเอาสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ทำให้สภามีการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างกว้างขวาง ตนขอเรียนว่า ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าดูสาระดีๆ เป็นการกล่าวหานายกฯโดยตรง เป็นเรื่องที่นายกฯต้องเอาข้อที่ถูกกล่าวหาไปแก้ไข

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาคือ หากดูข้อบังคับการประชุมสภา สภาไม่ควรรับญัตติของนายไพบูลย์เสียด้วยซ้ำ เพราะไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่ต้องมาพิจารณาญัตตินี้ และประเพณีไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่มีสภา ที่ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะถูกยื่นตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญ ขอเรียนว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการทำลายระบอบรัฐสภา เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย สุดท้าย หากสภายังเดินหน้าเห็นชอบญัตติของนายไพบูลย์ ต่อไปสภาจะเดินหน้าลำบาก การร่วมมือต่างๆ ระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน ต่อไปคงต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ และการร่วมมือในอนาคตคงเกิดขึ้นยาก

Advertisement

ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า อยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า ญัตติของนายไพบูลย์จะไม่ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเลื่อนออกไป ทางพรรค ก.ก.เชื่อมั่นว่าการอภิปรายจะเดินต่อไป ทั้งนี้ ขอฝากไปยังรัฐบาลว่า อย่าวิตกกังวลมากจนเกินไปว่า จะไม่สามารถตอบคำถามของพวกเราได้ จึงจะใช้วิธีนอกระบบแบบนี้ในการหนีการตรวจสอบ และหากอ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว การกระทำของนายไพบูลย์ขณะนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำญัตติที่เราเขียนไปว่า นำสถาบันมาเป็นโล่ปิดบังความผิดของตนเอง ยืนยันว่าพรรค ก.ก.จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อย่าใช้อำนาจนอกระบบ ให้อำนาจตุลาการลดทอนอำนาจนิติบัญญัติ

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ญัตตินี้สมบูรณ์แล้ว เชื่อว่าครั้งนี้จะทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง วันนี้ ส.ส.หลายคนก็ไม่สบายใจกับพฤติกรรมของนายไพบูลย์ หลายคนกำลังตั้งคำถาม และตั้งโจทย์ว่า เข้าข่ายผิดจริยธรรมขั้นร้ายแรงหรือไม่ เป็นปรปักษ์กับระบบรัฐสภาเองหรือเปล่า ถ้ามีญัตติใดแล้วต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไปหลักการถ่วงดุลอำนาจคงใช้ไม่ได้แล้ว ดังนั้น นายไพบูลย์กำลังทำตัวเป็นปรปักษ์ต่อรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ สิ่งที่เราต้องขอร้องไปยังรัฐบาลคือ จะใช้เสียงข้างมากก็ไม่สามารถหยุดยังพวกเราได้ เราได้เตรียมมาตรการไว้เพื่อที่จะทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบต่อไปจนได้ เราต้องขออนุญาตงัดเอาวิธีการทุกรูปแบบที่มีภายใต้กฎหมายมาใช้เพื่อยับยังเผด็จการัฐสภา และให้เสียงข้างน้อยได้เป็นพลังแทนประชาชน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า การบรรจุระเบียบวาระเป็นอำนาจโดยสิทธิขาดของประธานสภา ตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ ถ้าตนเป็นประธานสภา จะไม่นำญัตตินายไพบูลย์นี้ ส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการย้อนแย้งในการวินิจฉัยของประธานสภาเอง ประธานสภาจะสงสัยตัวเองว่าบรรจุเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่ได้เลย

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า การอภิปรายเที่ยวนี้มีรัฐมนตรีหลายคนตื่นตระหนกมาก มีความพยายามในการส่งคนมาสืบเสาะถามว่า ใครอภิปรายใคร โดนอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง คิดว่านี่คือการกินปูนร้อนท้อง พยายามหนีการอภิปรายโดยใช้วิธีการสมคบคิดเพื่อล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image