‘อนุทิน’ ปัดลอยชาย จัดการวิกฤต บอกตั้งแต่เกิดโควิด ในหัว มีแต่คำว่าวัคซีน (มีคลิป)

“อนุทิน” ร่ายยาว แจงปมวัคซีนโควิด ยันไม่ได้จัดหาล่าช้า แต่หาดีที่สุดเพื่อคนไทย

วันนี้ (17 ก.พ.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 2 หลังจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เสร็จ

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นเวลา 14.20 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า พอเจอคำว่าสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล และคนที่เข้าคุณสมบัตินี้มาใช้สภาอันทรงเกียรติแห่งนี้กล่าวโกหกคำโต เพื่อให้เกิดความสับสนกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพซึ่งสำคัญ ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรง แทนที่จะปลอบให้กำลังใจกัน กลับนำข้อมูลตามโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงมาเผยแพร่ในสภาอันทรงเกียรติ ท่านเริ่มจากมหากาพย์วัคซีนวันนี้ จะชำแหละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านบอกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขน่ารังเกียจ อยู่ใกล้ๆ ก็ยังไม่อยากจะอยู่ด้วย แต่ก่อนหน้านี้เจอกันหน้าห้องน้ำกราบแทบถึงอก ทำไมต้องมาว่ากันเรื่องนี้เราไม่ได้เกลียดกัน ถ้าตนพูดบ้างว่า พอตนขึ้นมาบนนี้ ตนเอาแอลกอฮอล์ฉีดเนคไทของตนท่านจะรู้สึกอย่างไร

Advertisement

นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้คำยืนยันว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ วัคซีนล็อตแรก 2 แสนโดส จะมาถึงไทย และจะพยายามฉีดให้เร็วที่สุด ภายในเดือนมีนาคม วัคซีนล็อตที่สองจะมาถึงไทย 8 แสนโดส เดือนเมษายน 1 ล้านโดส และปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน วัคซีนที่ผลิตในไทยยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้าไม่ใช่สยามไบโอไซเอนซ์ จะทำการส่งและฉีดให้คนไทยครบถ้วน ส่วนที่อภิปรายว่าตนล่าช้าลอยชายกับเรื่องวัคซีน ขอให้ท่านทราบเลยว่า ตั้งแต่คำว่าโควิดเข้ามาในสมองตน คำต่อไปที่ตนคิดคือคำว่าวัคซีน นี่คือเหตุผลที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติจึงได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 3 พันล้านบาท ให้ไปดำนเนินการทุกวิถีทางในการศึกษาพัฒนา หรือแม้แต่จัดซื้อหากจำเป็น ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างดี

”ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเป็นบริษัทที่เชื่อถือไม่ได้ กว่าที่เขาจะยอมให้เราซื้อเขา เขาต้องผ่านกระบวนการทดสอบขั้นต้นมาอย่างมากแล้ว กรณีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ใช้ในประเทศไทยนั้น เป็นวัคซีนที่เขาร่วมผลิตกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และใช้เทคโนโลยีผ่านการเชื่อมต่อโดยไทยมีกลุ่มธุรกิจที่ถือว่าใหญ่โตระดับโลกเขามีคอนเนคชั่น เขาได้ประสานมาที่กระทรวงสาธารณสุข และนายกฯ ว่ามีเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนที่ดูแล้วน่าจะเหมาะสมกับไทย ที่สำคัญเขาเชื่อว่าถ้าไทยได้เป็นฐานการผลิต วัคซีนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยเหลือมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่ไทยแต่เป็นอาเซียนด้วย นี่คือเราพูดถึงเดือนสิงหาคม-กันยายน แต่ท่านผู้อภิปรายเอาวันที่วัคซีนมีการขึ้นทะเบียนแล้วหลายรายมาพูด แต่ตอนนั้นไม่มีบริษัทไหนที่บอกว่าตัวเองผลิตวัคซีนสำเร็จ มีแต่บอกว่ากำลังผลิต แต่ถ้าประเทศไหนต้องการความมั่นใจว่าจะได้วัคซีนแน่ๆ เมื่อผลิตวัคซีนสำเร็จแล้วขอให้ลงเงินมา”

รมว.สธ.กล่าวอีกว่า ถ้ามีผลสำเร็จก็ได้รับวัคซีนก่อน แต่ถ้าล้มเหลวถือว่าล้มเหลวร่วมกัน นั่นคือแบบกินเปล่า แต่ข้อเสนอของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าว่าทำไมไม่พิจารณาให้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ลองติดต่อหาบริษัทที่สามารถผลิตวัคซีนนี้ได้ในไทย ถ้าทำได้ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมของคนที่อยู่ในไทย ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล สุดท้ายเขาก็ไปเจรจากัน และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีกัน ซึ่งเป็นการตกลงกันระหว่างบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ากับบริษัทในไทย

Advertisement

นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขกับรัฐบาลไทย เห็นว่าเทคโนโลยีนี้มีโอกาสประสบผลสำเร็จอย่างสูง มีการศึกษาได้รับการสนับสนุน ได้รับข้อแนะนำที่ดีมากจากบรรดาอาจารย์แพทย์ ว่าเราต้องเลือกทางนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ ซึ่งบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าไม่ได้เลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เพียงบริษัทเดียว ก่อนตัดสินใจเลือกให้เป็นผู้ผลิตเขาไปดูประสิทธิภาพของบริษัทยาอื่นๆ ในไทยจำนวนมาก แต่สุดท้ายเขาเลือกบริษัทสยามไบไอไซเอนซ์ เพราะสามารถผลิตชีววัตถุที่มีความคงที่ที่สุด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตวัคซีนตามเทคโนโลยีของเขา เขาจึงเริ่มเจรจาการผลิตวัคซีนกับไทย ที่สำคัญตนต้องหาวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างครอบลุมไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในเวลาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ประเทศไทยในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นประเทศที่รับมือโควิดได้ดีลำดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น การที่วัคซีนจะมาเดือนมิถุนายน ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องตกใจ แต่พอมาถึงสิ้นปีกลับมีเหตุการณ์ที่ จ.สมุทรสาคร และเชียงราย สิ่งที่ท่านบอกเราไม่ได้เตรียมตัวนั้น วัคซีนจากจีนไม่ได้อยู่ในโรดแมปของเราเลย แต่ด้วยความสามารถของบุคลากรด้านสาธารณสุข ทำให้เราสามารถติดต่อบริษัทที่จีนเพื่อขอวัคซีนมารองรับสถานการณ์ฉุกเฉินก่อน เราต้องซื้อจากเจ้าที่ส่งให้เราได้ในเดือนกุมภาพันธ์ เจ้าที่ท่านบอกมาส่งให้เราไม่ได้ แม้แต่สัปดาห์ผ่านมายังมี 2 บริษัทเข้ามาหาตน ทั้งที่เขารู้ว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจะส่งให้เราเดือนมิถุนายนแล้ว เขายังบอกว่าเร็วที่สุดที่เขาจะส่งได้คือไตรมาส 3 ซึ่งช่วงนั้นวัคซีนที่ผลิตในไทยอยู่เต็มโรงพยาบาลแล้ว เรามีวัคซีน 63 ล้านโดส เพียงพอที่จะครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง วัคซีนจะไม่พอเก็บ เราได้บริหารจัดการวางแผนเป็นระบบ ไม่เที่ยวไปลบหลู่ดูหมิ่น พูดสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจคนทำงาน ไม่ใช้วาจาสามหาว พูดในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการอภิปราย กลิ่นหนูตายเน่าพอๆ กับกลิ่นปากเหม็นไม่ต่างกัน แต่ตนเชื่อว่าตนยังทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและประเทศได้มากกว่า เอาไว้ท่านมีโอกาสเข้ามาก่อน ค่อยมาพิสูจน์กัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าวัคซีนที่จะให้ประชาชนคนไทยเหมะสมเข้าถึงง่ายที่สุด ไม่มีวันถูกตัดคิว ไม่มีวันถูกคนอื่นมาแย่ง อะไรก็ตามที่เรามั่นใจว่าเพียงพอแล้ว สามารถให้บริการประชาชนได้ครบถ้วน และเรายังมีทางเลือกอื่นอีกมาก

“บุคคลสองคนที่ท่านบอกว่าน่ารังเกียจไม่ควรเข้าใกล้ ไม่ควรแม้แต่เข้ากระทรวงได้ ต้องติดป้ายห้าม สองคนนี้แหละทำให้ อสม.เข้มแข็งขึ้น ทำให้มีโครงการสามหมอ ทำให้ระบบการสาธารณสุขได้มีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพ และอื่นๆ สิ่งที่ตนได้แจ้งมานี้ถ้าท่านยังบอกว่านายกฯ และตนน่ารังเกียจไม่ควรเดินเข้ากระทรวง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ต้องยอม แต่ประเด็นคือท่านโกหกจนนาทีสุดท้าย บอกว่าไปไหนมีแต่คนยี้ไม่เอาด้วยน่ารังเกียจ ตนว่าตรงกันข้าม ตนว่าคนรังเกียจกิริยาเช่นนี้มากกว่า อายุยังน้อย เราทำงานสร้างสรรค์เพื่อบ้านเมือง เป็น ส.ส.ก็ขอให้เป็นผู้แทนของราษฎร เรื่องส่วนตัวค่อยว่ากัน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image