เฌอเอม-ภาคี saveบางกลอย อ่านแถลงการณ์ ‘กลับบ้านไม่ควรโดนคดี’ จี้ ปล่อยตัวไม่มีเงื่อนไข

เฌอเอม-ภาคี saveบางกลอย อ่านแถลงการณ์ ‘กลับบ้านไม่ควรโดนคดี’ จี้ ปล่อยตัวไม่มีเงื่อนไข ‘ใจแผ่นดินเท่านั้น’ คือคำตอบ

สืบเนื่องจากกรณี ชาวบางกลอย จำนวน 7 คน เข้ามอบตัวตามหมายจับที่ สภ.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ช่วงเช้าวันที่ 26 มีนาคม หลังจากเดินทางกลับบ้าน บางกลอยบน-ใจแผ่นดิน โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านจำนวน 22 คน ถูกขังในเรือนจำ โกนหัวและปล่อยตัวออกมา ก่อนออกหมายจับเพิ่มอีก 7 คน ในข้อหาบุกรุกพื้นที่อุทยาน นั้น

อ่านข่าว :

เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่ สภ.แก่งกระจาน ภายหลัง 7 ผู้ต้องสงสัย ในข้อหาบุรุกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้รับการปล่อยตัว ภาคีsaveบางกลอย พร้อมด้วย น.ส.ชญาธนุส ศรทัตต์ หรือ เฌอเอม อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 และชาวบางกลอย ร่วมอ่านแถลงการณ์ ภาคีsaveบางกลอย “การกลับบ้านไม่ควรโดนคดี ปล่อยตัวโดยไม่มีเขื่อนไข” โดยมีรายละเอียด ดังนี้

การอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินดั้งเดิมของบรรพบุรุษเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม รัฐไม่ควรอพยพหรือ กระทำการใดๆ ที่เป็นทำลายวิถีชีวิตของชุมชน โดยเฉพาะการทำไร่หมุนเวียนที่เป็นวิถีวัฒนธรรม เป็นความหมายของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ด้วยความเชื่อในการดูแลรักษาป่า เพราะความอุดมสมบูรณ์ของป่า นำมาสู่วิถีชีวิตที่ปลอดภัยและยั่งยืนของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ดังนั้น กะเหรี่ยงจึงมีชีวิต การทำกิน ประเพณี และวัฒนธรรม ที่สอดคล้องกับการดูแลป่า มาอย่างน้อย 109 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการประกาศกฎหมายป่าไม้ฉบับใดๆ ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย จึงต้องการกลับไปทำกินในที่ดินบรรพบุรุษ บริเวณใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นที่ทำกินดั้งเดิมของชุมชนที่ถูกใช้กฎหมายและอำนาจ พรากวิถีชีวิตจิตวิญญาณของพวกเราไป ภายใต้วาทกรรมการอนุรักษ์ ที่กดขี่ประชาชน โดยได้จับกุมชาวบ้านเป็นจำเลย เพื่อสนับสนุนการปล้นชิงพื้นที่ซึ่งเป็นของประชาชน

จนนำมาสู่การเจรจาแก้ไขปัญหากับรัฐบาลด้วยกลไกคณะกรรมการศึกษาแก้ไขปัญหา กรณีบางกลอย ที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ได้มีคำมั่นสัญญาระหว่างรัฐกับชาวบ้าน ว่ากระบวนการจะนำไปสู่การแก่ไขปัญหาโดยได้มีการประชุมครั้งแรก ในวันที่ 25 มีนาคม 2564 โดยเริ่มจากการชะลอ กระบวนการการดำเนินคดีที่ไม่ถูกต้อง เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาเพื่อไห้ชาวบ้านได้กลับไปทำกินในที่ดินบรรพบุรุษ บริเวณใจแผ่นดิน ได้อย่างปลอดภัย และสิทธิในการประกันตัว ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ว่า ผู้ถูกกล่าวหา ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะตัดสิน เพื่อต้องการจะคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และผดุงความยุติธรรมของกระชวนการยุติรรรม ได้กำหนดไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงปรากฎในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งมีประเทศไทยกับอีก 172 ประเทศทั่วโลกเป็นภาคีด้วย หลักการที่กล่าวมานั้น เรายืนยันสิทธิในการประกันตัวของชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไข ที่เป็นการบังคับ ลดทอน หรือปิดกั้นสิทธิในกระบวนการการสืบค้นข้อเท็จจริง ของการกลับไปทำกินในที่ดินดั้งเดิมบรรพบุรุษบริเวณใจแผ่นดิน

Advertisement

สุดท้ายนี้ เราขอประกาศว่า ความต้องการกลับไปทำกินในพื้นที่บรรพบุรุษ บริเวณใจแผ่นดิน ของประชาชนภายใต้รัฐที่มีประชาชนเป็นเจ้าของแห่งนี้ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ชอบธรรม ดังนั้น เราปฏิเสรไม่ได้ว่า รัฐบาลซึ่งเป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการรัฐของประชาชนแห่งนี้ ต้องรับผิดชอบต่อความต้องการของประชาชน ที่ต้องการกลับไปทำกินในพื้นที่บรรพบุรุษบริเวณใจแผ่นดิน และเราในฐานะประชาชน ยืนยันจะร่วมต่อสู้กับพี่น้องกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดิน จนกว่าชาวบ้านจะได้กลับไปทำกินในพื้นที่บรรพบุรุษ บริเวณใจแผ่นดินอย่างเป็นธรรม
คนเท่ากัน ชาติพันธุ์ก็คือคน กลับใจแผ่นดินเท่านั้นคือคำตอบ
ภาคีSaveบางกลอย
26 มีนาคม 2564

เมื่อถามถึงท่าทีของภาคีSaveบางกลอย ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย กล่าวว่า เราจะมีการติดตาม เพราะอย่าลืมว่า ตอนนี้เหลืออีก 20 วัน ที่จะครบกำหนด MOU ที่รัฐบาลได้ทำข้อตกลงไว้ ภาคีSaveบางกลอย ก็ยังคงมีกิจกรรมอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถติดตามได้ที่เพจ “ภาคีSaveบางกลอย”

“นี่คือช่วเวลานับถอยหลังอีก 20 วัน เพื่อรอฟังคำตอบจาก MOU ที่รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหา ว่าจะแก้ไขให้พี่น้องบางกลอยของเรากลับใจแผ่นดินได้หรือไม่ หากครบ 20 วันแล้วยังไม่มีการแก้ไขปัญหา หรือไม่ให้พี่น้องกลับไปใจแผ่นดิน เราจะมีกิจกรรมไทยคู่ฟ้า ที่กรุงเทพมหานคร อย่างแน่นอน” นายธัชพงศ์กล่าว

เมื่อถามถึงกระบวนการสอบสวนในวันนี้ ว่าเป็นที่พอใจภาคี Saveบางกลอย ที่มาร่วมติดตามคดีหรือไม่

นายธัชพงศ์เปิดเผยว่า ในส่วนของภาคี Saveบางกลอย ดีใจที่พี่น้องได้รับการประกันตัว แต่ยังติดใจในเงื่อนไขที่ศาลไม่ให้พี่น้องเรากลับขึ้นใจแผ่นดิน เรามีความเห็นว่าเขาไม่ได้ผิดอะไร อยู่ดีๆ มาติดเงื่อนไขห้ามกลับใจแผ่นดิน เราไม่เห็นด้วยในเงื่อนไขนี้ แต่ยังดีที่วันนี้พี่น้องเราได้รับการประกันตัว คงจะต้องดูกันต่อไปอีก 20 วัน ฝากติดตามปฏิบัติการของภาคี Saveบางกลอย ด้วย

ด้าน “แบงค์” ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย กล่าวว่า ในเบื้องต้น จากเดิมที่ไม่ให้ญาติและทนายความ มาให้ข้อมูล ตอนนี้ก็ให้ญาติมาร่วมให้ข้อมูลได้ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ให้มีการประกันตัว แต่ประเด็นคือ การประกันตัวมีเงื่อนไขไม่ให้กับไปอยู่ใจแผ่นดิน เรายังค้างคาใจว่าเหตุผลอะไรที่ศาลไม่ให้เรากลับบ้านของเรา ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ยังติดใจกรณีนี้

“การกลับไปครั้งนี้ อยากจะย้ำว่าเราไม่ได้กลับไปบุกรุกป่าไม้ เรากลับไปทำพื้นที่เดิมที่ทำกินมาก่อน กรณีที่รัฐบาลบอกว่า จะจัดหาพื้นที่ใหม่ให้เรา ซึ่งเราคิดว่าไม่ควร เพราะเท่ากับว่าต้องไปเปิดป่าใหม่ที่ไม่เคยมีการทำกินมาก่อน เราอยากให้สังคมลองมองอีกมุม ว่าการทำกินในพื้นที่เดิม กับการทำกินในพื้นที่ใหม่ แบบไหนควร มากกว่ากัน” แบงค์กล่าว

เมื่อถามว่า ในการสอบสวน มีการให้ข้อมูลว่าชาวบางกลอยบุกรุกพื้นที่ 4 แปลง ไปตั้งกระต๊อบ ติดแผงโซลาร์เซลล์ด้วย มีอะไรจะชี้แจงประเด็นนี้หรือไม่ ?
“แบงค์” เปิดเผยว่า ในส่วนนี้ ตั้งแต่ที่เราถูกนำลงจากเฮลิคอปเตอร์ เราไม่ได้มีโอกาสกลับขึ้นไปใจแผ่นดิน ต้องวิ่งในกระบวนทางกฎหมาย ยังไม่มีการกลับไปทำกิน จึงไม่แน่ใจว่าไปเอาภาพมาจากไหน อย่างไร เราไม่สามารถบอกได้ แต่เรายืนยันว่าไม่ได้กลับไปทำ และไม่มีคนหลบหนีในช่วงที่มีการจับกุม

เมื่อถามว่า ในระหว่างรอกระบวนการแก้ไขปัญหา 30 วัน นับแต่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ซึ่งจะไปสิ้นสุดกลางเดือนเมษายน จะกระทบกับการทำไร่หมุนเวียนของชาวบ้านหรือไม่ ?

“แบงค์” กล่าวว่า แน่นอนว่าปีนี้ พี่น้องอาจจะไม่ได้ปลูกข้าว และยังไม่รู้ว่าพี่น้องจะเอาเงินที่ไหนซื้อข้าวกิน เราอาจจะต้องรอฟังทีมคณะทำงานแต่ละชุด ว่าจะมีวิธีการอย่างไร ให้พี่น้องบางกลอยได้พิสูจน์ตัวเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image