ไฟเขียว วีซ่าทำงาน ‘ดร.เดวิด’ ทนายหวั่น หาหลักฐานอื่น ออกข้อห้าม

ไฟเขียว วีซ่าทำงาน ‘ดร.เดวิด’ – ทนายหวั่น หาหลักฐานอื่น-ออกข้อห้าม ‘ผบก.ตม.4’ เผย หากพบ ‘ขัดความมั่นคง’ พร้อมดำเนินการ

สืบเนื่องจากกรณี ดร.เดวิด สเตร็คฟัสส์ อดีต ผอ.ศูนย์แลกเปลี่ยนการศึกษาระหว่างประเทศ และผู้ดูแลเว็บไซต์ เดอะ อีสาน เรคคอร์ด นักวิชาการชื่อดังชาวอเมริกัน ผู้พำนักอยู่ในเมืองไทยนานเกือบ 40 ปี ถูกมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ยกเลิกสัญญา ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีตำรวจเข้ากดดันผู้บริหาร ก่อน มข. ส่งผลให้วีซ่าสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา และต้องยื่นขอวีซ่าใหม่เพื่อทำงานในบริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่นส์ ที่ดูแล เดอะ อีสาน เรคคอร์ด (เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศ) โดยนัดหมายฟังผลวันนี้ (3 พฤษภาคม) นั้น

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม น.ส.ณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยกับ “มติชน” ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่า ดร.เดวิด ได้ขอวีซ่าทำงานกับบริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่นส์ โดยยื่นเอกสารทุกอย่างตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนนานพอควรตามที่เป็นข่าว ทำให้ตนเกิดความกังวลใจว่า เหตุใด ดร.เดวิด จึงถูกสอบสวนมากขนาดนี้ มีอะไรที่เราต้องน่ากังวลใจหรือไม่ เพราะมีการเลื่อนให้คำตอบเรื่องของวีซ่า จากกำหนดเดิม คือวันที่ 19 เมษายน มาเป็นวันที่ 3 พฤษภาคม โดยให้เหตุผลว่าต้องสอบสวนเพิ่มเติม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า หรือ ดร.เดวิด จะเป็นบุคคลที่ต้องห้ามหรือไม่

“จริงๆ แล้วเวลาที่เรายื่นคำร้องขอวีซ่าจะต้องสอบสวนอยู่แล้วว่าเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่ มีบริษัทน่าเชื่อถือหรือไม่ เอกสารไม่ครบหรือเปล่า เป็นการสอบสวนทั่วไป ซึ่งตอนนี้ก็ให้วีซ่าทำงาน 1 ปี แสดงว่า ดร.เดวิด ไม่ใช่บุคคลต้องห้ามทางกฎหมาย ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย บริษัทก็จดทะเบียนถูกต้อง เอกสารก็น่าเชื่อถือ

เมื่อก่อนนี้ ดร.เดวิด ได้วีซ่าทำงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย ซึ่งเมื่อมหาวิทยาลัยขอนแก่นไม่จ้างทำงานต่อ ตามกฎหมายวีซ่า ก็จะยุติลง เนื่องจากไม่มีนายจ้าง ต้องหานายจ้างใหม่ ซึ่งก็ได้ที่บริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ดฯ เป็นวีซ่าประเภทเดิม เวลาขอวีซ่า เจ้าหน้าที่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนในการสืบประวัติ ตั้งแต่ที่มีการยื่นขอวีซ่าไป จะใช้เวลาประมาณนี้เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลนี้มีที่ถิ่นที่อยู่ตามที่แจ้งมาหรือไม่ มีความรู้ตามที่ระบุหรือไม่ มีนายจ้างเป็นบริษัทจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่” น.ส.ณัฐาศิริกล่าว

Advertisement
แฟ้มภาพ

เมื่อถามถึงข้อกังวลต่อกรณีนี้ น.ส.ณัฐาศิริกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความกังวล ความจริงแล้ว การที่เป็นชาวต่างชาติ เมื่อขอวีซ่า เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อมีข่าวว่าเหตุใดบุคคลนี้จึงถูกตรวจสอบมากเป็นพิเศษ ส่วนตัวจึงเกิดความสงสัยว่าทำไม อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่ามีการใช้ระยะเวลาตรวจสอบนานก็ถือว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบครบถ้วนแล้วว่าไม่ใช่บุคคลต้องห้าม สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ และหวังว่าจากนี้จะไม่มีกรณีนี้อีก

“หากว่ากันตามกฎหมายคนเข้าเมือง (Immigration law) ก็มีการกำหนดไว้ว่า ให้ทำงานได้ตามตำแหน่งที่ระบุไว้ในใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) เท่านั้น จะทำอะไรนอกเหนือจากนั้นไม่ได้ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ก็มีการดูรายละเอียดมากขึ้นว่าคุณทำงานตามที่ระบุไว้หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามใบอนุญาตทำงานก็สามารถเพิกถอนวีซ่าได้ อาจมีการเกี่ยวข้องกับกฎหมายความมั่นคงหรือไม่ เพราะการเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายเข้าเมืองคือบุคคลที่รัฐบาลเห็นว่าเป็นบุคคลอันตราย หรือเคยถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน หรือเป็นบุคคลที่เคยถูกดำเนินคดีในประเทศอื่น และประเทศอื่นต้องการตัวอยู่ เป็นต้น”

น.ส.ณัฐาศิริกล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะมีการไปหาหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่ ณ เวลานี้ยังไม่มีกรณีเป็นบุคคลต้องห้าม แต่ต้องดูทิศทางการเมืองด้วยว่าจะมีการกำหนดข้อห้ามอะไรให้ชาวต่างชาติห้ามทำหรือไม่ในอนาคต

Advertisement

“แต่กรณีนี้ก็ขอวีซ่าไปตามปกติ ไม่ได้มีการเสนอเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม แต่จะพูดคุยอะไรนอกเหนือจากนั้นหรือไม่ส่วนตัวไม่ทราบ” น.ส.ณัฐาศิริกล่าว

แฟ้มภาพ

ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผู้บังคับการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า กรณี ดร.เดวิด เป็นการยื่นขอวีซ่าตามปกติ จากที่มีการยื่นขอใบอนุญาตทำงานกับบริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ดฯ ไม่ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยได้ เป็นวีซ่าทำงาน ซึ่ง ดร.เดวิด สามารถทำงานที่บริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ดฯ ในการผลิตสื่อและสารคดีได้ มีใบอนุญาตทำงานเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อถามถึงสาเหตุของการเลื่อนพิจารณาสถานะของ ดร.เดวิด จากวันที่ 19 เมษายน มาฟังผลในวันที่ 3 พฤษภาคมนั้น พล.ต.ต.กฤษฎาเปิดเผยว่า สาเหตุเพราะเวลาในการพิจารณาบังเอิญว่า ดร.เดวิด อยู่เกินกำหนด (Over stay) มา 10 กว่าวัน โดยปกติจะมีกระบวนการพิจารณายื่นตรวจสอบเอกสารของบริษัท ประกอบกับติดวันหยุดสงกรานต์ด้วย จึงขยายออกมาอีก 15 วัน

“ตามปกติเมื่อวีซ่าหมดอายุ เมื่อยื่นอยู่ต่อในประเทศอื่นจะมีเวลาพิจารณาคำร้อง ตรวจสอบเอกสาร 30 วัน ตามปกติ แต่กรณีของ ดร.เดวิด เวลาหายไปประมาณ 15 วัน จึงจำเป็นต้องเลื่อน ขยายเวลาการพิจารณาออกไป ณ เวลานี้ ดร.เดวิด ยังไม่ใช่ผู้ต้องหาตามกฎหมาย หรือมีภัยต่อความมั่นคง ในชั้นนี้ยังไม่มีหลักฐานปรากฏ แต่หากในอนาคตมีหลักฐาน หรือมีเรื่องใดที่ขัดต่อกฎหมาย หรือความมั่นคง เราจึงค่อยดำเนินการพิจารณาตามกฎหมายคนเข้าเมืองต่อไป” พล.ต.ต.กฤษฎากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image