“วิโรจน์”ชี้ คนอยากย้ายประเทศ เหตุรัฐทำให้เขาไม่มีความรู้สึกร่วมเป็น”เจ้าของ”ประเทศ

“วิโรจน์”เผยมุมมองต่อแฮชแท็ก #ย้ายประเทศกันเถอะ ชี้ ไม่มีประโยชน์ไปขู่-ไล่พวกเขา “คนอยากย้ายประเทศ เพราะเขาไม่มีความรู้สึกร่วมเป็น”เจ้าของ”ประเทศ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เขียนข้อความถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ และกระแสการขอย้ายประเทศ เพื่อไปหาช่องทางการทำมาหากินที่อื่น เพราะหมดหวังกับการเมืองไทยที่ถูกผูกขาดโดยคนฝั่งเดียวมีอำนาจ ระบุว่า

มุมมองของผมต่อแฮชแท็ก #ย้ายประเทศกันเถอะ ของคนรุ่นใหม่

1) แต่เดิมพวกเขาถูกคนกลุ่มหนึ่งต่อว่า ด่าไล่ให้ออกไปอยู่ต่างประเทศ แต่พอพวกเขากำลังจะหาลู่ทางที่จะย้ายไปต่างประเทศจริงๆ โดยมีการรวมตัว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และแนะนำขั้นตอนต่างๆ ในการย้ายประเทศ ก็ปรากฎว่าพวกเขาก็ยังถูกต่อว่าด่าทออยู่ดี ซึ่งสะท้อนว่า จริงๆ แล้ว มันมีอีกมุมหนึ่ง ของสังคมที่รู้สึกเสียดาย ที่ต้องปล่อยให้คนในวัยหนุ่มสาว ที่มีศักยภาพ ต้องทยอยกันย้ายไปอยู่ประเทศอื่น แล้วก็ค่อยๆ ทยอยกันชักชวนกันไปอย่างต่อเนื่อง ถ้าคนที่เราไม่อยากให้ไป เขาไปจริงๆ จริงๆ ไม่ต้องด่าเลยใช่ไหมครับ ถ้าเราไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย

2) ผมมีความเห็นที่เป็นกลางนะครับ สำหรับการย้ายประเทศ เพราะถือเป็นสิทธิของแต่ละคน ใครอยากอยู่ ก็อยู่ ใครอยากย้าย ก็ลองย้ายดู ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าย้ายไปแล้ว ไม่ดีอย่างที่คิด จะย้ายไปอีกประเทศหนึ่ง หรือจะกลับมา ก็เป็นสิทธิครับ เพราะแต่ละคนมีความฝัน ทักษะ และข้อจำกัด ที่แตกต่างกัน

Advertisement

3) ใครก็ตามที่มีศักยภาพในการย้ายไปอยู่ประเทศอื่น แล้วอยากจะลองย้ายไปจริงๆ การลองย้ายก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนะครับ ถ้าย้ายไปแล้วดี ก็ย้ายเลย ถ้าย้ายไปแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ ก็ย้ายกลับได้ครับ ผมว่ารัฐต่างหาก ที่ต้องมีความกังวล เพราะถ้าประชากรที่มีศักยภาพทยอยกันออกไปอยู่ต่างประเทศ และมีอัตราเพิ่มแบบทวีคูณ เพราะคนที่ไปอยู่แล้ว ช่วยกันทำให้คนที่ย้ายไปในภายหลัง ย้ายไปได้ง่ายขึ้น ปรับตัว และหาอาชีพในประเทศที่ย้ายไปได้ง่ายขึ้น ประเทศไทยก็จะสูญเสียคนเก่งไปเรื่อยๆ

4) ปัจจุบันประเทศไทยเรามีอัตราการเกิดที่ลดลง และได้เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งมีผู้สูงอายุที่ีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากประชากรที่อยู่ในวัยแรงงาน และมีศักยภาพทยอยกันย้ายประเทศ คำถามก็เกิดขึ้นทันทีว่า ใครจะเป็นคนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้าง GDP และเป็นฐานภาษีให้กับประเทศ คนที่มีอายุ 45-50 ปีในปัจจุบัน อีกไม่กี่ปี ก็จะเกษียณ ไม่อยู่ในสถานะที่หารายได้ได้อีกต่อไป แถมยังเป็นผู้ที่ต้องใช้ภาษีผ่านสวัสดิการต่างๆ ของรัฐอีกด้วย หากคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ที่อยู่ในวัยแรงงาน และเป็นผู้เสียภาษี มีไม่เพียงพอ แล้วประเทศจะมีรายได้ที่สามารถปรับปรุงสวัสดิการสังคม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และร่วมมือของประเทศได้อย่างไร

5) การไปขู่ หรือค่อนขอดพวกเขาว่า ต่อให้ย้ายไปอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ ก็อาจจะต้องไปเป็นพลเมืองชั้นสองอยู่ดี ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์นะ เพราะการที่คนตัดสินใจจะย้ายประเทศ แสดงว่าเขาคงตกผลึกทางความคิดอะไรบางอย่างแล้วล่ะ เช่น

Advertisement

– ปัจจุบัน ในประเทศที่เขาอาศัยอยู่ในทุกวันนี้ แน่ๆ ล่ะ ประเทศนี้ยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่แน่ๆ แต่คำถามเกิดขึ้นในใจเขาทันที ก็คือ “แล้วเขาเป็นพลเมืองชั้นหนึ่งในประเทศนี้จริงๆ หรือ หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาเป็นพลเมืองชั้นสอง ในประเทศกำลังพัฒนากันแน่

– ผมคิดว่าคนรุ่นใหม่ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายนะ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง การไปขู่พวกเขาไม่เกิดประโยชน์หรอกครับ ยิ่งขู่ ยิ่งปรามาส พวกเขายิ่งรู้สึกท้าทาย

– ไม่มีเจ้าของบ้านคนไหน อยากย้ายจากบ้านที่ตนเป็นเจ้าของ ไปเช่าบ้านอยู่หรอกครับ เว้นเสียแต่ว่า เพิ่งจะรู้ตัวเองว่าบ้านที่ตนเองอาศัยอยู่ทุกวัน นั้นไม่ใช่บ้านของตัวเอง แต่เป็นการเช่าเขาอยู่ ในเมื่อเช่าเขาอยู่ เมื่อเขาไม่พอใจบ้านที่เช่าอยู่ในปัจจุบัน เขาก็มีสิทธิที่จะไปลองเช่าบ้านหลังอื่นอยู่ไม่ใช่หรือครับ ต้องถามตัวเองว่า วันนี้สังคมไทยได้ทำให้คนรุ่นใหม่ ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของประเทศไปแล้วหรือเปล่า

– การหยิบเอาประเทศที่แย่กว่าเรา หรือเอาบางมิติที่ไม่ดีของประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อสื่อว่าประเทศไทยยังดีอยู่ ผมคิดว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ เพราะนี่คือวงจรแห่งความโง่เขลา ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ คือ สภาพที่เราต้องยอมจำนนกับความด้อยพัฒนา ทั้งๆ ที่มีโอกาสปรับปรุง อยู่มากมาย โดยเอาความ “โชคดี” และ “ประเทศอื่นที่แย่กว่า” มาปลอบประโลมตัวเอง อยู่ร่ำไป และพอถึงวันที่ประเทศเข้าสู่สถานการณ์อันเลวร้าย จนเกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล เพราะการขาดการเตรียมการที่ดี สิ่งที่ทำได้ ก็มีแค่การเอาคำว่า “เวรกรรม” มาอธิบายให้ตัวเองจำใจยอมรับกับโชคชะตา ประเทศแบบนี้พัฒนาไม่ได้ครับ ไม่สามารถรั้งคนเก่งๆ ให้อยู่ในประเทศไม่ได้ครับ

6) ผมเคยถามคนๆ หนึ่งที่ต่อว่าคนรุ่นใหม่ ที่คิดจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่นว่า หากลูกของคุณได้ทุนไปเรียนที่ยุโรป คุณจะให้เขาไปเรียนไหม และเมื่อเขาสำเร็จการศึกษาแล้ว เขามีโอกาสได้งานทำที่นั่น คุณจะให้เขาทำงานที่นั่นไหม คำตอบที่อยู่ในใจ แทบทุกคนคงไม่อยากให้ลูกของเราทิ้งโอกาสนั้นหรอกนะครับ คือ ลึกๆ เราต่างก็ยอมรับกันดีว่า การทำงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว มันมีโอกาสที่จะได้ใช้ศักยภาพได้มากกว่า มีโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากกว่า มีโอกาสที่จะสะสมเงินออม และความมั่งคั่งได้มากกว่า มีโอกาสที่จะทำให้ตนเองมีวิสัยทัศน์ในการมองโลกที่กว้างกว่า ใช่ไหมครับ

7) มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด สัญชาติใด เราทุกคนล้วนเป็น “พลโลก” ที่มีคุณค่าในตัวเอง แต่จุดอ่อนของมนุษย์ที่มีอยู่ร่วมกัน ก็คือ เราทุกคน ไม่ได้มีชีวิตนิรันดร์ เราทุกคนล้วนต้องแก่ตัวลงไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป และต้องยอมรับว่า เราทุกคนมีเวลาที่จะอยู่บนโลกใบนี้อย่างจำกัด ดังนั้น ในช่วงเวลาหนึ่งๆ เราทุกคนจึงควรมีสิทธิที่จะพาตัวเองไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเอง และมีโอกาสที่จะได้ใช้ศักยภาพนั้นในการทำให้ทั้งตัวเอง และโลกใบนี้ดีขึ้น ไม่มีใครจำเป็นต้องขังตัวเองให้อยู่ในที่พัฒนาตนเองไม่ได้ ไม่มีโอกาสในการใช้ศักยภาพที่ตนเองมี แล้วต้องยอมให้ตัวเองแก่ลงไปเรื่อยๆ อย่างสูญเปล่า และตายจากโลกนี้ไปในที่สุด

8 ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราการเกิดที่ลดลง แต่ละประเทศต่างมีนโยบายในการดึงดูดคนเก่งๆ จากทั่วโลกไปเป็นพลเมือง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้กับประเทศของเขา

9) ผมคิดว่า การที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มีความมุ่งมั่นที่จะอยู่ในประเทศนี้ต่อไป ไม่ใช่การไปขู่ ไปไล่พวกเขาครับ แต่เป็นหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ดีขึ้น เพื่อให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขัน และร่วมมือที่เพิ่มขึ้น ทำให้เขารู้สึกว่าประเทศนี้เป็นประเทศที่เปิดกว้าง และเต็มไปด้วยโอกาสที่พวกเขาจะพัฒนาตนเอง และได้ใช้ศักยภาพของเขาในการสร้างคุณค่าให้กับสังคมได้อย่างเต็มที่ รับฟังพวกเขา เปิดโอกาสให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางในการพัฒนาประเทศ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็น “เจ้าของ” ประเทศนี้

มุมมองของผมเกี่ยวกับแฮชแท็ก #ย้ายประเทศกันเถอะ ก็มีอยู่เท่านี้ล่ะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image