‘เต้น’ เล่าบทสนทนา ‘เบนจา’ 1 วัน ก่อนถูกจับ แนะผู้มีอำนาจ กวาดเด็กเข้ากรงขังมีแต่จะบานปลาย..
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงบทสนทนาที่ได้พูดคุยกับ เบนจา อะปัญ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมฯ ในวันที่ 6 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1 วันก่อนที่เบนจาจะถูกควบคุมตัวตามหมายจับคดี 112 จาก สน.ทองหล่อ และถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำในวันถัดมา โดยมีเนื้อหาดังนี้
6 ตุลาคม 2564 ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ประมาณ 09.30 น. งานรำลึก 45 ปี 6 ตุลา
“เบนจา”
ผมร้องเรียกเด็กสาวที่กำลังเดินยกมือไหว้เข้ามาหา เราเคยเจอกันชั่วครู่ตอนผมจัดเวทีที่อโศก
“สวัสดีค่ะพี่เต้น” ยิ้มละไมใสในแบบลุยๆ เอ่ยคำทัก
- อุ้ม”เบนจา อะปัญ”ส่งดำเนินคดี สน.ทองหล่อ ชุมนุมคาร์ม็อบ 10 ส.ค.
- ผู้ก่อตั้งเว็บดัง ยก”แพรว เบนจา”คือความหวัง อนาคตด้านอวกาศของไทย ไม่ควรถูกจับเพราะการพูด
- ‘เบนจา’ ฝากเดินหน้าสู้ต่อ อาจารย์ มธ.ทวงคืน น.ศ ‘นิว’ แคลงใจ เทียบคดีใกล้เคียง
“เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย พี่ให้กำลังใจนะ”
“กำลังจะสอบพี่ แต่หมายจับก็จะออก นี่ก็ดูอยู่ว่าจะยังไง”
“คงไม่มีอะไรมั้ง สู้ๆ นะ ไปตามหมายเรียกก็คงจบ คดีก็คงใช้เวลา” ผมประเมินว่าเขาเอาเด็กไปขังแล้วหลายคน ไม่น่าจะเพิ่มเบนจาเข้าไปอีก ซึ่งผมคิดผิด
กวาดสายตาไปที่เวทีกิจกรรม แต่รู้สึกได้ว่าคู่สนทนายังยืนอยู่ที่เดิมจึงหันกลับมา
“พี่เต้น หนูยังไม่มีโอกาสได้พูดกับพี่ จะบอกว่าขอบคุณมากค่ะ”
“เรื่องอะไรน้อง”
“ทุกอย่างที่พี่ทำมา อยากได้บอกกับพี่ว่าขอบคุณ”
“พี่ต้องขอบคุณน้องมากกว่าที่นึกถึงเรา พวกพี่สู้กันมาตามที่ทำได้ ถูกบ้างผิดบ้างก็เต็มที่” ใจผมจุกๆ แต่หน้ายิ้ม เบนจาก็ยิ้มตาหยีใต้แว่นตาที่สวมอยู่
คุยกันอีกไม่กี่ประโยคเธอก็ปลีกตัวไป ผมหันไปดูเวทีและบรรยากาศรอบตัว ไม่นึกว่ารุ่งขึ้นจะได้ข่าวเบนจาถูกจับ ตำรวจอุ้มขึ้นรถไปควบคุมตัว วันถัดมาส่งศาลและสุดทางที่เรือนจำ
ผ่านมาแล้ว 12 วัน ….
ได้แต่คุยกันสั้นๆ จนเบนจาเข้าคุกถึงได้อ่านเรื่องราวที่คนเขียนถึงเธอ ไม่รู้ว่าคนจับไปขังรู้จักเด็กผู้หญิงคนนี้บ้างหรือยัง ถ้ารู้จะนึกสงสารเด็กที่ถูกขังบ้างหรือไม่
เธอเป็นลูกหลานของประเทศนี้ ชื่อเล่น ”แพรว” อายุ 22 ปี เป็นเด็กเรียนดี นักกิจกรรม ฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ รักห่วงเพื่อน ตอนเพนกวิน รุ้ง นัทถูกขังเบนจาทำหลายอย่างที่คิดว่าช่วยเพื่อนได้ เหมือนอย่างที่เพื่อนๆ พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอยามนี้
เรียนมัธยมเคยปีนกำแพงโรงเรียนมาเดินสยาม ถ้าถูกจับได้ต้องโดนทำโทษ จนวันนี้ปีนกำแพงจารีต ถูก รปภ.ห้างตบหน้า สู้เรื่อยมาจนสิ้นอิสรภาพและยังยืนยันสู้ต่อไป เด็กแบบนี้เป็นผู้ต้องฟังไม่ใช่ผู้ต้องขัง
คนหนุ่มสาวสู้มาเกือบ 2 ปี บาดเจ็บ ถูกจองจำ ถูกกระทำเพียงใดก็ไม่หยุด แสดงว่าบ้านเมืองต้องมีอะไรไม่ถูกต้อง เป็นหน้าที่คนรุ่นพ่อแม่ต้องคิดและแก้ไข ว่าที่นักบินอวกาศคนหนึ่งกลายเป็นว่าที่นักโทษเพราะคิดต่างจากอำนาจรัฐ สังคมไทยไม่ควรเดินไปแบบนี้
ผมไม่มีประสงค์ร้าย หวังใจให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยสันติไม่มีใครฝ่ายไหนสูญเสียและสูญหาย กวาดปัญหาไว้ใต้พรม กวาดเด็กเข้ากรงขังมีแต่จะบานปลาย เปิดใจรับฟังเปิดห้องขังให้ลูกหลาน ปล่อยเด็กพ้นคุกเถอะครับ