“สุชัชวีร์”ปราศรัยใหญ่เวทีแรก กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก “อภิรักษ์” ชู 4ข้อ เหมาะเป็นผู้ว่าฯกทม.

“พี่เอ้” ปราศรัยใหญ่เวทีแรก กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก “อภิรักษ์” ชู 4 ข้อ “สุชัชวีร์” เหมาะเป็นผู้ว่าฯกทม.ด้าน “พี่เอ้” ยกให้ “อภิรักษ์” เป็นที่ปรึกษา

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.เวลา 18.00 น. ที่โรงเรียนวัดพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เบอร์ 4 พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยเป็นครั้งแรก โซนกรุงเทพฯตระวันออก พร้อมกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม.และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเมธี อรุณ หรือเมธี ลาลานูน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส โดยมี ผู้สมัคร ส.ก. 6 เขต ประกอบด้วย นายนที เข็มศรีสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 2 เขตคลองสามวา, นายสุนันท์ มีนมณี ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 6 เขตคันนายาว, น.ส.ณัฐิดา เตาเฟ็ส ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 3 เขตหนองจอก, น.ส.ศรินทิพย์ มีนมณี ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 6 เขตมีนบุรี, นายณรงค์ศักดิ์ ฤทธิวรผล ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 3 เขตสายไหม และ น.ส.สุชาดา เวสารัชตระกูล ผู้สมัคร ส.ก. เบอร์ 6 เขตบางเขน ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยด้วย โดยมีประชาชนร่วมฟังจำนวนมาก

ต่อมาเวลา 19.47 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม.ปราศรัยว่า กรุงเทพฯนอกจากเป็นจุดศูนย์รวมของโอกาสที่พี่น้องทุกภูมิภาคมาใช้ชีวิต ยังเป็นจุดศูนย์รวมของการศึกษา ดังนั้นการเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนกรุเทพฯ ไม่สามารถการทำได้คนคนเดียว ไม่สามารถทำได้ด้วยทีมงานที่ลงสมัคร ส.ก.เท่านั้น แต่ต้องอาศัยพี่น้องชาวไทยและชาว กทม.ทุกคน วันนี้ตนมีโอกาสมาให้กำลังใจนายสุชัชวีร์ ตนมี 4 เรื่อง ที่อยากเล่าให้ชาว กทม.และพี่น้องชาวไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯ ให้มีความมั่นใจในผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.และผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 50 คน คือ 1.คนที่จะมาทำหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ มีความสามารถและวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยแปลงกรุงเทพฯให้เป็นเมืองน่าอยู่ เชื่อว่านายสุชัชวีร์ มีความพร้อม ทั้งความสามารถวิสัยทัศน์ในการทำงานให้ชาว กทม.

อภิรักษ์ โกษะโยธิน
อภิรักษ์ โกษะโยธิน

2.คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม.ต้องแข็งแรงต้องทุ่มเท ต้องมุ่งมั่น ทำงานด้วยใจ เพราะ กทม.มีความหลากหลาย และเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ เชื่อว่านายสุชัชวีร์มีความพร้อม

Advertisement

นายอภิรักษ์กล่าวต่อว่า 3.ในยุคสมัยใหม่การเลือกผู้สมัครมาเป็นผู้ว่าฯกทม.และผู้สมัคร ส.ก.ต้องอาศัยนโยบายที่มีความสำคัญ เป็นนโยบายที่ผ่านทีมนักวิชาการ และประสบการณ์ที่ผ่านมาตัวนายสุชัชวีร์ และผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต และการสอบถามชาวกรุงเทพฯ ตนมั่นใจว่านโยบายในการเปลี่ยนชีวิตจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่ประชาชนจะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตและช่วยกันขับเคลื่อนกรุงเทพฯในอนาคต และ 4.ประสบการณ์ในเรื่องของการบริหารจัดการซึ่งมีความสำคัญมากในการบริหารเมืองขนาดใหญ่ เป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก ที่ใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. 10-12 ล้านคน แม้ในทะเบียนบ้านจะมีประชาชนอยู่ในกรุงเทพฯ 5-6 ล้านคนเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯที่มาจากการเลือกตั้ง ที่จะต้องบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ที่มีความซับซ้อน แตกต่าง หลากหลาย ความต้องการแก้ปัญหามีตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน อย่างน้อย 4 ปี ในวาระของผู้ว่าฯกทม. และทีมงาน ซึ่งเป็นจุดแข็งและเป็นจุดที่แตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น เพราะนายสุชัชวีร์ ได้ผ่านประสบการณ์ของการบริหารจัดการองค์กร ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องร่วม ส.ก.ทั้ง 50 เขต หรือแม้แต่ประชาชนที่จะมีส่วนสำคัญในการช่วยกันสะท้อนปัญหาในแต่ละพื้นที่ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ต้องเหมาะกับยุคสมัยของกรุงเทพฯในวันนี้และในอนาคต ซึ่งนายสุชัชวีร์พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม.

จากนั้นเวลา 20.20 น. นายสุชัชวีร์กล่าวปราศรัยว่า ตั้งแต่ประกาศตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ตนได้เจอหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งถือว่าหนักหนาสาหัสมาก แต่ตนยืนยันว่ามาด้วยความตั้งใจที่อยากเห็นบ้านเมืองนี้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าผมจะเจออะไรก็ตาม ไม่เคยท้อ ยิ่งเดินลงพื้นที่ ยิ่งรักคนกรุงเทพฯและรักกรุงเทพฯมากขึ้น ขณะที่วิสัยทัศน์ของตนชัดเจน ไม่เปลี่ยนแปลง และยิ่งมีความเข้มข้นในการตั้งใจจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองแห่งสวัสดิการ และเป็นเมืองต้นแบบของอาเซียนให้ได้ โดยสิ่งแรกที่จะเริ่มทำ คือต้องการทำให้กรุงเทพฯ เป็นบ้านเมืองที่ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงบริการที่ดีได้เท่าเทียมกัน อีกทั้งต้องทำให้กรุงเทพฯมีความทันสมัย ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯเสียโอกาสมาก และเสียโอกาสในการใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหาซ้ำซาก ผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คือประชาชน ตนจึงตั้งใจที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่จะนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่า รถติด และเรื่องความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้ง ต้องการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อลูกหลานของเรา คือเรื่องการศึกษา พัฒนาโรงเรียนในสังกัด กทม. ด้วยนโยบาย 1 เขต 1 โรงเรียนต้นแบบ ที่มีคุณภาพเหมือนเป็นโรงเรียนสาธิต รวมถึงจะดูแลครูในโรงเรียน กทม.และครูในศูนย์เด็กเล็กอย่างดีที่สุด เพราะล้วนเป็นบุคลากรที่ทำหน้าที่ดูแลลูกหลานของเรา และจะเพิ่มเงินอุดหนุนเด็กเล็ก เพื่อให้เด็กๆ ได้รับอาหารและการดูแลอย่างดี ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

Advertisement

นายสุชัชวีร์กล่าวอีกว่า ด้านสาธารณสุข โดยตนมีประสบการณ์จากที่เคยได้สร้างอุปกรณ์การแพทย์และเป็นผู้ริเริ่มการก่อสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทั้งนี้ ตั้งใจจะเพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสังกัด กทม. ขณะที่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนกรุงเทพฯนั้น มีนโยบายตั้งกองทุนเพื่อการจ้างงานชุมชน ทำให้ประชาชนได้รับเงินค่าจ้าง เงินเบี้ยเลี้ยง ขณะเดียวกันก็จะทำให้เรามีคนที่มาดูแลผู้สูงอายุ ดูแลลูกหลานในชุมชนเราได้ อีกทั้งกองทุนนี้จะทำให้ชุมชนฟื้นตัวได้ โดยสามารถนำเงินจากกองทุนนี้ในการไปซื้ออาหารจากในชุมชนมาทำอาหารให้กับลูกหลานของเราได้กินฟรี สิ่งเหล่านี้ทำให้มีเงินหมุนเวียนในชุมชน และนโยบายที่ปฏิบัติสำคัญของตน คือเรื่องการทำให้คน กทม.ได้ใช้อินเตอร์เน็ตฟรีซึ่งจะสามารถเปลี่ยนชีวิตคนกรุงเทพฯได้ด้วย ทั้งในการเรียน การทำงาน การประกอบอาชีพ ตลอดจนจะมีส่วนช่วยในการช่วยชีวิตประชาชนและสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนได้ด้วย

“ถ้าผมได้รับโอกาสจากพวกท่านเป็นผู้ว่าฯกทม. ผมจะได้ผู้ที่เป็นผู้ว่าฯกทม.ที่มีความมุ่งมั่นที่สุด และเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่เดินทุกที่ ไม่ใช่นั่งอยู่ในศาลาว่าการ กทม. แต่จะลงมาเดินดูแลพวกท่านในพื้นที่ของ กทม. จะเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ผมภูมิใจที่เป็นผู้สมัครในนามพรรรคประชาธิปัตย์ ผมมีโอกาสเดินตามรอย ท่านอภิรักษ์ผู้ว่าฯกทม. 2 สมัย ที่จะมาเป็นที่ปรึกษาผม ผมภูมิใจ และวันนี้ไม่ใช่ทีมผมคนเดียว แต่เป็นทีมสุชัชวีร์ที่มาพร้อมกับ ส.ก. 50 คน ที่มีความมุ่งมั่นไม่น้อยกว่ากัน และผมกำลังบอกว่าการทดสอบที่ดีที่สุด คือการทดสอบในช่วงที่วิกฤตและท้าทายที่สุด ผมกำลังบอกว่าวันนี้สิ่งที่มีอยู่กำลังทดสอบผมว่าผมจะทำได้หรือไม่ และผมบอกว่าผมไม่ท้อ ผมทนได้ และผมจะเป็นผู้ว่าฯที่เปลี่ยน กทม. เราทำได้” นายยสุชัชวีร์กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image