วิโรจน์ ห่วง กทม.ถูกบีบต่อสัมปทานสายสีเขียว จากหนี้ค่าจ้างเดินรถที่พอกขึ้นทุกวัน
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความแสดงความคิดเห็นกรณีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า
“สิ่งที่ผมเป็นห่วงเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็คือ หนี้ที่ กทม.ค้าง BTS จะพอกขึ้นเรื่อยๆ ทั้งดอกเบี้ยวันละ 6-7 ล้านบาท และค่าจ้างเดินรถเดือนละ 200 ล้านบาท
ถ้าหนี้ทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ สุดท้าย กทม.ก็อาจจะถูกบีบให้ต่อสัมปทาน ในเงื่อนไขที่ ปชช.ถูกเอาเปรียบได้”
สิ่งที่ผมเป็นห่วงเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็คือ หนี้ที่ กทม. ค้าง BTS จะพอกขึ้นเรื่อยๆ ทั้งดอกเบี้ยวันละ ~6-7 ล้านบาท และค่าจ้างเดินรถเดือนละ ~200 ล้านบาท
Advertisementถ้าหนี้ทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ สุดท้าย กทม. ก็อาจจะถูกบีบให้ต่อสัมปทาน ในเงื่อนไขที่ ปชช. ถูกเอาเปรียบได้
— Wiroj 77 (@wirojlak) June 27, 2022
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ เคยโพสต์ชี้ 5 ปัญหางบประมาณปี 2566 โดย 1 ใน 5 เรื่องคือ ดอกเบื้ยรถไฟฟ้า โดยระบุว่า
“หนี้ BTS 37,000 ล้านบาท ต้องยอมรับว่าถ้าไม่เร่งตัดสินใจอะไร หนี้ก้อนนี้จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ แบบทบต้นทบดอก จากค่าเดินรถที่ค้างจ่าย BTS ที่ประเมินกันว่า ตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 200 ล้านบาท และดอกเบี้ยที่ประเมินกันว่า น่าจะอยู่ที่เดือนละประมาณ 150-200 ล้านบาท ซึ่งเข้าใจว่าปัจจุบันหนี้ BTS 37,000 ล้านบาท นั้นได้ขยับไปแตะอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และด้วยหนี้ก้อนนี้ทำให้ กทม.ต้องมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ย อาจสูงถึงปีละ 2,000 ล้านบาท
ดังนั้น ในเรื่องหนี้ BTS และการต่อสัญญาอายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ผู้ว่าฯ ต้องเร่งหารือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อหาทางออกที่โปร่งใสอย่างเร่งด่วนให้ได้ ไม่อย่างนั้นดอกเบี้ยจะทบไปทบมา จนหนี้ของ กทม.อยู่ในสภาวะล้นพ้นตัว จนไม่อาจเปิดประมูลสัมปทานใหม่ได้
และอาจต้องยอมจำนนต่ออายุสัญญาสัมปทานอย่างไร้อำนาจต่อรอง จนทำให้ประชาชนต้องถูกเอารัดเอาเปรียบจากสัญญาที่ไม่มีเงื่อนไขตั๋วร่วม ค่าโดยสารร่วม”
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง