‘หมอวาโย’ อัด ‘อนุทิน’ จงใจเปิดช่องว่างกัญชา ทำเด็กๆ เสี่ยงอันตราย ทำ ปท.เสี่ยงวิกฤต

‘หมอวาโย’ ข้องใจ ‘อนุทิน’ จงใจปล่อยเกียร์ว่างกัญชา พาเยาวชน-ประเทศเสี่ยงอันตราย

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันแรก

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ต่อมา เวลา 12.47 น. นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่านายอนุทินบอกว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นกัญชาพารวย เอากัญชาไปผสมอาหารได้ พี้กัญชาได้ เพิ่มเสียงหัวเราะให้ประชาชน น่าเสียดายแทนที่จะเพิ่มเสียงหัวเราะและความสุขให้ประชาชนด้วยนโยบายทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ สิ่งที่สำคัญกับการนำเอากัญชาไปผสมอาหาร หรือพี้อยู่ที่บ้าน ไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางการแพทย์อย่างแน่นอน ทั้งนี้ อยากให้สมาชิกรับข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อน 3 ประการคือ 1.กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล 2.กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ และ 3.กัญชาถ้าจะนำมาพี้จะต้องระมัดระวังโทษด้วย เหมือนกับสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า อย่างบุหรี่ไม่มีประโยชน์เลย มีแต่โทษอย่างเดียว แต่เราก็ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถสูบบุหรี่ได้ แต่เราก็ต้องระมัดระวังทั้งผู้สูบและคนรอบข้าง ดังนั้น ถ้าเรายอมรับ 3 ข้อนี้ได้เราจะไปต่อได้ ตนและพรรค ก.ก.สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ และถ้านำมานันทนาการ เปิดเป็นคาเฟ่กัญชา เราก็ไม่ได้คัดค้าน ส่วนตัวสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ก่อนที่นายอนุทินจะเข้ามาอีก แต่สิ่งที่เราต้องการคือการควบคุมให้ถูกต้อง เหมาะสม และรัฐจะต้องดูแลสุขภาพของคนเสพ และสุขภาพของคนที่ไม่ได้เสพ

นพ.วาโยกล่าวต่อว่า ดังนั้น เวลารัฐมนตรีจะเอานโยบายอะไรมาออกเป็นนโยบายระดับชาติ ส่งผลกระทบกับชีวิต สุขภาพอนามัยของประชาชน ต้องมองอย่างรอบด้าน และสถานการณ์ในประเทศไทยมีผลเสียกับเด็กและเยาวชนอย่างมาก ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นภาคีระหว่างประเทศ หากไปละเมิดข้อตกลงอาจถูกประเทศภาคีทั้งหมดแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจได้ สิ่งที่น่าห่วงคือปัญหาในเด็กและเยาวชนที่มีข้อมูลจากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุชัดว่าพิษของกัญชาในเด็กจะทำให้พฤติกรรมผิดเพี้ยน แล้วเรียกกลับคืนมาไม่ได้ สิ่งที่สงสัยคือเหตุใดจึงนำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสภา ในวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ก่อนวันที่กัญชาจะมีผลปลดล็อกออกจากยาเสพติดเพียงวันเดียว อย่างไรก็ไม่สามารถออกกฎหมายควบคุมได้ทัน แทนที่นายอนุทินจะออกประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข เลื่อนการปลดล็อกกัญชาในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ออกไปก่อน แต่ไม่ทำ ถือว่าจงใจให้เกิดช่องว่างของกฎหมาย ทั้งที่การแก้ปัญหาทำได้ง่ายนิดเดียว คือออกกฎกระทรวงเลื่อนปลดล็อกกัญชาออกไปก่อน นายอนุทินนำเอาชีวิตเด็ก เยาวชนไปเสี่ยงอันตราย และนำประเทศไปสู่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและการทูต

Advertisement

นพ.วาโยกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานายอนุทินส่งเสริมการผลิตกัญชา โดยอ้างว่าเพื่อรองรับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ โดยให้วิสาหกิจชุมชน 1 แห่งทำร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 1 แห่งเท่านั้น และให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้รับซื้อ แต่สุดท้าย อย.ไม่ได้รับซื้อในจำนวนที่คาดไว้ เพราะหมอไม่ใช้ นักวิจัยไม่เขียนโครงการ จึงต้องหาช่องทางปล่อยของ ซึ่งตนมีเอกสารสรุปผลการตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2564 ในประเด็นกัญชาทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นความพยายามจะเพิ่มความต้องการกัญชาเพื่อการแพทย์ เพราะมีการตั้งเกณฑ์เป้าหมายในการจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในแต่ละปี โดยภายในปี 2567 โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสังกัดกรมวิชาการจะต้องมีคลินิกกัญชาทั้งหมด และสถานพยาบาลเอกชนจะต้องมีคลินิกกัญชาเขตสุขภาพละ 10 แห่ง และการปล่อยให้ไม่มีการควบคุมกัญชา จนร้านค้านำไปผสมอาหารโดยไม่แจ้งผู้บริโภค และทำให้เกิดความหวาดกลัวผลข้างเคียง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image