เวที ‘วิเคราะห์โพลเลือกตั้ง 66’ มติชนXเดลินิวส์ เจาะสนามโค้งสุดท้าย-ฉายฉากทัศน์การเมืองไทย

นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์, รศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต, นายนนท์ รุจิรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เดลินิวส์, นายปารเมศ เหตระกูล และนางประพิณ รุจิรวงศ์ กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์, นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายเทคโนโลยีและดิจิทัลมีเดีย บมจ.มติชน, ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ และ รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่โถงอาคารสำนักงานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มติชน X เดลินิวส์ จัดเวที “ร่วมวิเคราะห์โพลเลือกตั้ง 66” ภายหลังเปิดโหวตผ่านช่องทางออนไลน์ 2 ครั้ง ประสบความสำเร็จ มีผู้ร่วมโหวตเกือบ 200,000 คน ผลออกมาสั่นสะเทือนวงการการเมือง นอกจากนี้ยังจัด 6 เวทีประชันวิสัยทัศน์และนโยบายทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ได้รับผลตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม โดยเวทีครั้งนี้ ระดมนักวิชาการมาร่วมฉายภาพภูมิทัศน์ทางการเมืองทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง จนกระทั่งประเด็นที่หลายคนจับตา อย่างการจับขั้วของพรรคการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวลา 10.10 น. มีการเสวนา หัวข้อ “สรุป-วิเคราะห์ ผลการจัดทำ มติชน-เดลินิวส์ โพล” โดย นายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์, นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายดิจิทัลมีเดีย บริษัท มติชน จำกัด มหาชน, ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย นายเอกภัทร์ เชิดธรรมธร

นายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ กล่าวถึงข้อสังเกตจากการทำโพลทั้ง 2 ครั้งว่า การทำโพลครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทางมติชน และวิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ให้ความร่วมมือทำให้ประสบผลสำเร็จเกินคาด

Advertisement

“ตอนแรกที่ผลโพลออกมา เราสงสัยว่าทำไมคะแนนพรรคก้าวไกลได้เยอะมาก เราสงสัยว่าจะมีนิวเจน โหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือก้าวไกลเยอะ แต่อาจารย์อัครพงษ์ จะเป็นคนเฉลยตรงนี้…ต้องขอขอบคุณผู้อ่านเครือมติชนและเดลินิวส์ เชื่อว่าการทำโพลครั้งนี้จะส่งสัญญาณให้นักการเมือง และ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ คนต่อไป อีกทั้งประชาชนทั่วไปจะได้มีแนวทางในการเลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

การเลือกตั้งในครั้งนี้มีความสำคัญกับประเทศชาติเรา จะก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ วันที่ 14 เราก็จะรู้ผลกัน กลุ่มผู้อ่านทั้งเดลินิวส์และมติชนอาจจะคนละกลุ่ม แต่ผลโพลผสมผสานออกมาน่าจะใกล้เคียงความจริงประมาณหนึ่ง” นายปารเมศกล่าว

Advertisement

นายปารเมศตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ถ้าดูเทรนด์จากโพล จะพบว่าคนส่วนใหญ่ต้องการเปลี่ยนแปลง

“เราดูแล้วจะเห็นว่าพรรคฝ่ายรัฐบาล คะแนนเสียงจะน้อยกว่า แต่อันนี้ก็เป็นเทรนด์ วันที่ 14 ตัดสินใจ อีกข้อที่เน้นคือ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง หรือโลกดิจิทัล ผมว่าพรรคการเมืองที่ทำเก่งและทำเป็นเขาได้ประโยชน์เยอะ พรรคที่ยังไม่ถนัด หรือยังไม่เก่ง ผมว่าต้องไปเร่งตรงนี้ ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายที่อาจจะได้กลับมาบ้าง” นายปารเมศกล่าว

ปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์

ด้าน นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายดิจิทัลมีเดีย บมจ.มติชน กล่าวว่า จากจุดแรกที่มติชนกับเดลินิวส์ร่วมมือกัน สิ่งที่เราคาดการณ์คือ ผลลัพธ์จากฐานคนอ่านทั้ง 2 กลุ่มน่าจะต่างกัน เราอยากให้มีการถ่วงน้ำหนักกัน แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์คนทำเหมือนกันคือ ตัวคะแนนและผลลัพธ์ไม่ต่างกัน

“ตัวเลขหลังบ้านรายวัน จะเห็นอันดับสำคัญ ตัวเปอร์เซ็นต์คะแนนหรือระยะห่างของคะแนน มีความสอดคล้องกันหมด เป็นเชิงอรรถที่น่าสนใจ มันเหมือนมีการดับเบิลเช็ก และผลตรงกันจริงๆ ซึ่งแนวโน้มที่ปรากฏในโพลของมติชนและเดลินิวส์ได้รับการยืนยันจากโพล ซึ่งมีวิธีวิทยาแบบอื่นด้วย” นายปราปต์กล่าว

นายปราปต์กล่าวต่อว่า อีกจุดที่ต้องย้ำชัด คือตำแหน่งแห่งที่ (position) ของโพลนี้ เป้าประสงค์ของเราคือ 1.เราเป็นสื่อ และไม่ได้ต้องการจะทำโพลที่เป็นทางการระดับมืออาชีพอย่างสำนักโพล แต่สิ่งที่เรากำลังทำคือการกระตุ้นให้ผู้อ่านและคนดูของทั้งสื่อ 2 สำนักใหญ่มีความสนใจและอยากมีส่วนร่วมกับการเลือกตั้ง

2.เป้าประสงค์รองที่จะได้ คือรับทราบเจตจำนงทางการเมืองของคนอ่าน เมื่อเทคโนโลยีในปัจจุบันเปิดช่องให้เราสามารถทำโพลออนไลน์ได้ เท่ากับเราสามารถสื่อสารและรับฟังความเห็นคนอ่านได้

3. การขยับขยายวิธีการผลิตคอนเทนต์เลือกตั้งใหม่ๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็นำมาสู่เครื่องมือวิเคราะห์เลือกตั้งอีกแบบ ด้วยการดูจากผลโพล

นายปราปต์กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ดีคือ โพลไม่บอกอะไรเรา หรือตอบเราไม่ชัด แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยู่นอกเหนือจากโพล หรือการวิเคราะห์เลือกตั้งทั่วๆ ไป

“ตอนนี้เวลาเราพูดเรื่องเลือกตั้ง เราพูดกันเรื่องจำนวน ตัวเลขในโพล คาดการณ์จำนวน ส.ส.ซึ่งแต่ละพรรคจะได้ แต่หนึ่งในรูปธรรมอีกอย่างที่เราเห็นในกระบวนการเลือกตั้ง คือภาพมวลชนจำนวนมากหน้าเวที ซึ่งไม่มีใครไปนับจำนวน หรือเสียงโห่ เสียงเฮต่างๆ เป็นรูปธรรมอีกแบบหนึ่ง

มันคือเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก มีความรัก ความศรัทธา ความเกลียด ความแค้น ความหวัง ความผิดหวังเจือปนอยู่ในนั้น ทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกันว่าส่งผลต่อการตัดสินใจ ฉะนั้นการมองเลือกตั้ง 2 แบบ ระหว่างการมองไปที่จำนวน กับมองไปที่อารมณ์ความรู้สึกซึ่งอัดแน่นอยู่ในคนจำนวนมากและนับจำนวนไม่ได้เหล่านั้น อาจจะนำไปสู่ซีนาริโอ 2 แบบ

แบบแรก เวลาเราวัดจำนวน สุดท้ายแล้วเราจะคาดการณ์ซีนาริโอต่อไปในเชิงเวิร์สเคส คือถ้าเข้ามาเจอ 250 ส.ว.จะเป็นอย่างไร ถ้าเจอยุบพรรค เจอซื้องูเห่า หรือเจอรัฐประหารอีกจะเป็นอย่างไร

แต่ถ้าเรามองเป็นพลังความรู้สึกของประชาชน จะเห็นว่าปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถูกกดปราบ อีกระยะก็จะกลับมาเกิดซ้ำอีก ในลักษณะที่อาจจะแรงกว่าเดิม หรือเชี่ยวกรากกว่าเดิม ผลการเลือกตั้งวั้นที่ 14 พฤษภาคม จะนำไปสู่ซีนาริโอ 2 แบบที่ต่างกันอย่างนี้ อาจจะนำไปสู่การปะทะ หรือคู่ขนานกันทางการเมือง” นายปราปต์กล่าว

ปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายดิจิทัลมีเดีย บมจ.มติชน

ในขณะที่ ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สิ่งที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องของตัวเลข และผ่านการพูดคุยกับนักวิชาการท่านอื่นถึงวิธีการ ว่าจะนำเสนออย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ที่ผ่านมาเกิดการตั้งคำถามว่า การมีโพลก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องของการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้า การตอบปัญหาต่างๆ จะสามารถหาคำตอบได้โดยการตั้งโพล

“โพลปกติจะมีการตั้งคำถาม และมีสูตรคำนวณต่างๆ ซึ่งแล้วแต่วิธีการของแต่ละคน ขณะเดียวกันสิ่งที่มติชนกับเดลินิวส์ทำคือการนำกลุ่มตัวอย่างมาก่อน และหลังจากนั้นถึงมาวิเคราะห์เหตุผลของกลุ่มตัวอย่าง พบว่าวิธีการดังกล่าวสามารถสะท้อนความเชื่อมั่นของผลโพลได้ถึง 95% มีความคลาดเคลื่อนไม่ถึง 0.35%” ผศ.อัครพงษ์ชี้

เมื่อถามว่า จากกระแสที่เกิดขึ้นในโซเชียล สามารถมองผลโพล เป็นคะแนนในโลกความเป็นจริงได้หรือไม่ ?
ผศ.อัครพงษ์กล่าวว่า มติชนและเดลินิวส์ทำโพลขึ้นมาเพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างประชาธิปไตย ผลโพลคือความนิยม ไม่ใช่ผลลัพธ์ แต่สามารถให้ข้อคิดแก่นักการเมืองและพรรคการเมืองได้ว่าทำพลาดตรงส่วนไหน และต้องปรับแก้ส่วนใด ดังนั้นการมีโพลเป็นกระกระตุ้นพรรคการเมืองและนักการเมืองได้เป็นอย่างดี

“ถ้าเห็นว่ากระแสมา อย่างกรณีของอาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ โจ ไบเดน ก็พิสูจน์แล้วว่าดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมาจริง และทำให้หลายบริษัทปิดตัวไปแล้ว ถ้าท่านไม่เปลี่ยนก็แล้วแต่ ไม่ว่ากัน รอดูวันที่ 14 ว่าจะเป็นอย่างนั้นไหม การเลือกตั้งในครั้งนี้สะท้อนว่าดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมีผลต่อคะแนนความนิยมของนักการเมืองโดยแท้จริง สามารถบอกได้ว่าหากสื่อไหนไม่ตามกระแสก็อาจจะเจ๊ง พรรคการเมืองไหน สถาบันไหนไม่ตามกระแสออนไลน์มีโอกาสไม่รอด” ผศ.อัครพงษ์ระบุ

ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์

ผศ.อัครพงษ์กล่าวต่อไปว่า โพลมติชนXเดลินิวส์เป็นการตั้งคำถามกับอำนาจ นอกจากเห็นความนิยมแล้ว ยังสามารถบอกความ รู้สึกของคน

“การเลือกตั้งเป็นเรื่องของความรู้สึกโดยแท้ ท่านจะชอบหรือไม่ชอบ นโยบายนี้ดีหรือไม่ดี การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงนักการเมือง พรรคการเมือง อย่าลืมว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องชนหมู่มาก มาพร้อมกับกระแสและความนิยม สิ่งสำคัญที่สุดคือพื้นที่ 400 เขต ขอฝากถึงพรรคการเมืองและนักการเมืองว่าให้กลับไปลงพื้นที่ พร้อมกับคอยสังเกตกระแสของผู้คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือก เพราะคือตลาดที่ท่านสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้

สิ่งสำคัญในการทำโพลครั้งนี้ คือการกระตุ้นความรู้สึกอยากจะออกมามีส่วนร่วมทางการเมือง ทุกคนรู้สึกว่าเรามีจิตใจเป็นเจ้าของชาติ ชาติหมายถึงเราอยู่ในนั้น ฉะนั้นโพลบอกว่านี่คือบ้านเมืองของเรา เราจะกำหนดอนาคตของเราวันที่ 14 พฤษภาคม” ผศ.อัครพงษ์กล่าว

จากนั้น เวลา 10.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาหัวข้อ “วิเคราะห์โพลมติชน-เดลินิวส์ และแนวโน้มการเลือกตั้งโค้งสุดท้าย” โดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ประจักษ์’ ฟันธง ถ้ายุบพรรค ปฏิกิริยาเกิดแน่ แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ทฤษฎี ‘ตาอิน-ตานา-ตาอยู่’

ไม่ไหวอย่าฝืน ธำรงศักดิ์ ดักคอ ‘รบ.เสียงข้างน้อย’ ยก ปวศ.ชี้ ความโกรธของ ปชช. ‘มิอาจประเมินค่า’

‘ประจักษ์’ ชี้ เทรนด์ใหญ่ไปทางเดียว ติง ฝ่ายค้าน ‘สมการง่าย’ แต่ไปทำให้ยาก เหตุถกแรงทะเลาะหนัก ระวังทำงานยาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image