วันนอร์ เล่าเบื้องหลัง ถูกเชิญเป็นประธานสภา ยันถ้าพิธา ไม่ผ่านรอบแรก จะให้โหวตต่อ

วันนอร์ เล่าเบื้องหลัง ถูกเชิญเป็นประธานสภา ยันถ้าพิธา ไม่ผ่านรอบแรก จะให้โหวตต่อ  

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ไทยรัฐนิวส์โชว์ ภายหลังการแถลงข่าวของพรรคก้าวไกล และ เพื่อไทย เลือกให้เป็นประธานสภา โดยระบุว่า เขาแจ้งวันนี้ตอนที่จะไปเข้ารัฐพิธี ตนไปสภาประมาณ 2 โมง เขาก็ดักรอและแจ้งให้ทราบว่า ทั้ง 2 พรรคคุยกันแล้ว และขอให้ตนมารับตำแหน่งประธานรัฐสภา ว่าคุยกันแล้ว ค่ำวันนี้ 2 ทุ่ม เขาจะแถลงข่าวร่วมกัน ก็เลยบอกเขาว่า ถ้าตกลงร่วมกัน และให้ประโยชน์ของประชาชนเดินไปได้ ก็ยินดี ถึงแม้ว่า จะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ง่าย เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประชาชน ต้องช่วยกัน แต่ตนคงทำคนเดียวไม่ได้ รองประธานฯที่เขาจะส่งมาทั้ง 2 คน ต้องช่วยด้วย สมาชิกสภาต้องร่วมมือด้วย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ มีคนมาสอบถามไหม นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อคืน เขาโทรมาว่า วันนี้จะมีการประชุมพรรคเขา 10 โมง เขาอยากจะให้ตนไปช่วย ก็ว่าทำไมไม่คุยกันให้จบ มันยังไม่ลงตัว แต่ถ้าตนรับ ก็อาจทำให้ลงตัวได้ ก็ลองให้ประชุมดูก่อน ก็ยินดีที่จะไปร่วมมือทำให้ มันเป็นประโยชน์ของประชาชน ผมไม่ได้ตั้งใจแต่แรกว่าจะต้องไปเป็นประธานเอง เพราะตนเป็นพรรคเล็ก อยากให้พรรคใหญ่จะได้สมบูรณ์กว่า แต่เมื่อพรรคใหญ่ไม่ลงตัว จะขอให้เป็นคนกลางไปช่วยทำให้ ก็ต้องไปทำ เราจะไปทอดทิ้งให้เกิดปัญหาไม่ได้ ประเทศชาติเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะเกิดความเสียหายมาก

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวถึงผู้ที่ได้มาเจรจาก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า มีนายพิธา นายชัยธวัช และ และนายประเสริฐ อยากได้คนกลาง มีประสบการณ์มากหน่อย เข้าไปช่วยทำงานนิติบัญญัติ และเขาพร้อมที่จะช่วยแต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เลือกไป สมาชิกในพรรคยังไม่พร้อมที่จะรับได้ เมื่อวานซืน ตอนประชุมที่ก้าวไกล ก็ไม่มีใครเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็บอกว่าเขาพยายามจะหาช่องทาง เขาก็บอกว่าจะแถลงข่าวให้

Advertisement

เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อเลือกนายพิธา แล้วไม่ผ่านรอบแรก นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ก็ต้องวิเคราะห์ว่าขาดอีกเท่าไหร่ และขาดในส่วนไหน แล้วก็ต้องโหวตต่อไป สักครั้งหรือ 2 ครั้ง เพื่อให้อิงตาม MOU ที่ว่า ต้องพยายามให้คุณพิธา และ ก้าวไกล สบายใจว่า 8 พรรค อยากจะร่วมมือให้เสียงข้างมากเพื่อให้คุณพิธาได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องมาสร้างความเข้าใจ เพราะประธานจะดันไปอย่างเดียวไม่ได้ เดี๋ยวสมาชิกไม่อยากมาประชุม เขาไม่มา องค์ประชุมไม่ครบ ก็ไม่ได้ ความร่วมมือตรงนี้ต้องเกิดจากความเข้าใจ

“สิ่งสำคัญคือ 8 พรรคต้องมีความจริงใจ ว่าทำเต็มที่แล้ว ถ้าได้ก็โอเค เราจะได้ทำงานต่อไป ถ้าไม่ได้ต้องหาสาเหตุ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าขาดเท่าไหร่ และแก้อย่างไร แต่สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือความไว้วางใจ จริงใจ ไม่ให้แตกไป พรรคก้าวไกล และเพื่อไทยต้องจับมือ เพราะเสียงเกิดกึ่งหนึ่ง ถ้าเขาจับมือกัน ฝ่ายอื่นไม่มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล พลัง 2 พรรคนี้ต้องหนักแน่นพอสมควร”

เมื่อถามว่า ควรได้นายกฯ ในเวลาประมาณเท่าไหร่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องไม่เกิน 15 วัน ต้องเลือกนายกฯ แต่ถ้าไม่ได้แล้ว เขาไม่ได้กำหนดว่า ต้องทำในอีกกี่วัน

Advertisement

ถามว่า หากมีพรรคเสนอกฎหมายแก้ม.112 หรือเรื่องขัดกับนโยบายของพรรค นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า กฎหมายต่างๆ ที่เสนอ รธน. กำหนดว่าอะไรทำได้ ไม่ได้ ขณะที่ เอ็มโอยู ต้องพิจารณา ตามลำดับขั้นตอน สำหรับกฎหมายบางอย่าง อาทิ สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า ในเอ็มโอยู ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า กฎหมายเขียนไว้ ว่าไม่บังคับ หรือไปทำให้ผู้นับถือศาสนาอื่นไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติให้ เสียงข้างน้อยไม่ลงมติให้ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ไม่ไปบังคับให้เขาเดือดร้อน ข้อกฎหมายก็คงต้องเขียนไว้ สุราเสรีก็เช่นกัน ต้องไม่ไปกระทบคนที่ไม่สามารถออกเสียงได้

“อยากจะบอกประชาชนว่า ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น นิติบัญญัติก็ทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ควบคุมฝ่ายบริหารและเลือกรัฐบาล ประชาชนเมื่อเลือกผู้แทนแล้ว ผู้แทนก็ทำหน้าที่ เราจะได้เต็ม 100 คงยาก เราต้องได้บ้างไม่ได้บ้าง เราต้องดูว่าที่รับปากไว้ทำได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดนั้น ระบอบประชาธิปไตย ต้องเคารพเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างน้อยก็ไม่ถูกละเมิดหรือทอดทิ้งด้วย ประชาธิปไตย อยากให้มีความอดทน หากไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน จะทำให้เสียหาย ที่ประเทศไม่สามารถพัฒนาไปได้ เพราะมีคนจะยึดอำนาจจากประชาชน ทำให้ประเทศถอยหลัง อยากให้ประชาชนใช้สติ เพื่อให้เดินหน้าไปได้ ผมจะทำหน้าที่เพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชน และประชาธิปไตยอย่างเต็มที่” นายวันมูหะมัดนอร์ ฝากทิ้งท้าย

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image